




บทที่ 3
คาบต่อไปเป็นวิชาภาษาอังกฤษ ระหว่างนั้นเป็นช่วงพักยาว หัวหน้าชั้นหลินร่างกระตือรือร้นพาชูโย่วหนิงไปรับตำราเรียนที่ฝ่ายวิชาการ
ทันทีที่ตัวเอกออกไป เรื่องซุบซิบนินทาในห้องก็ระเบิดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนชายหรือหญิงต่างรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ส่วนใหญ่มักจะมารวมกันอยู่รอบๆ เฉินอิ๋น เพราะเธอเป็นคนแรกที่ตั้งคำถามในห้องเรียน ทุกคนจึงเข้าใจเองว่าเธอน่าจะรู้เรื่องราวของนักเรียนใหม่คนนี้พอสมควร
เฉินอิ๋นถือเป็นคนที่แปลกในหมู่นักเรียนห้องเก่ง ในความคิดของคนส่วนใหญ่ เด็กผู้หญิงที่เรียนเก่งมักจะเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่เธอกลับไม่เหมือนใคร
กระโปรงชุดนักเรียนที่ตัดให้สั้นขึ้น เครื่องสำอางที่แต่งอย่างประณีต นาฬิกาข้อมือราคาแพง ทุกอย่างล้วนแสดงให้เห็นว่าเธอแตกต่างจากนักเรียนหญิงคนอื่นในห้อง ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นที่หมายปองของเด็กผู้ชายส่วนใหญ่
เนื่องจากโรงเรียนชิงจงมีบรรยากาศค่อนข้างเปิดกว้าง ประกอบกับผลการเรียนที่โดดเด่น และอาจเป็นเพราะพื้นฐานทางครอบครัวด้วย ครูจึงมักจะทำเป็นมองไม่เห็น
สวีจิ้งซูไม่สนใจเรื่องซุบซิบ แม้จะใส่หูฟังไว้ แต่ก็ยังไม่อาจกั้นคำพูดเหล่านั้นไม่ให้ลอยเข้าหูเธอได้
"ชูโย่วหนิงเป็นยอดนักเรียนของเมืองตอนสอบเข้ามัธยมปลาย นอกจากวิชาภาษาจีนที่เสียไปไม่กี่คะแนน วิชาอื่นๆ ได้คะแนนเต็มหมด หลายโรงเรียนส่งข้อเสนอให้เขา แม้แต่โรงเรียนเหิงจงก็ยังเสนอทุนการศึกษาจำนวนมากให้ทุกปี หลังจากเข้ามัธยมปลายเขาก็ยังครองตำแหน่งที่หนึ่งของรุ่นอย่างมั่นคง เขายังเข้าร่วมการแข่งขันระดับชาติกับรุ่นพี่ ม.5 และ ม.6 และได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งในการแข่งขันคณิตศาสตร์ และรางวัลรองชนะเลิศในการแข่งขันฟิสิกส์ เขาเป็นเหมือนตำนานที่โรงเรียนเหิงจงเลยล่ะ..." เฉินอิ๋นกอดอกเล่าเรื่องของชูโย่วหนิงให้ทุกคนฟัง ใบหน้าฉายแววภูมิใจ
"ใช่ๆ พี่ชายฉันเรียนที่เหิงจง เขาบอกว่าสภานักเรียนที่นั่นเชิญชูโย่วหนิงให้เป็นรองประธานหลายครั้งแต่เขาปฏิเสธหมด" นักเรียนชายคนหนึ่งเสริม "ได้ยินว่าเขาไม่ค่อยพูด เข้ากับคนยาก แต่ก็ยังเป็นที่นิยมที่เหิงจงอยู่นะ"
"นั่นมันก็ชัดอยู่แล้ว คนหล่อเรียนเก่ง ใครจะไม่ชอบล่ะ" หานอวี่ เพื่อนสนิทของเฉินอิ๋นกลอกตา "เอ๊ะ อิ๋นอิ๋น มีผู้หญิงไล่ตามชูโย่วหนิงเยอะมากใช่มั้ย?"
"ผู้หญิงที่ตามเขาน่ะเหรอ" เฉินอิ๋นมองอย่างขบขันไปยังกลุ่มนักเรียนหญิงที่มารวมตัวกันอยู่หน้าห้องเรียน "ตอนอยู่เหิงจงก็มีทั้งมัธยมต้นและมัธยมปลายแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจใครเลยสักคน ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ คนระดับเทพอย่างเขา คนธรรมดาๆ จะเข้าตาเขาได้ยังไงกัน"
เฉินอิ๋นแค่นเสียงเบาๆ มองไปที่นักเรียนหญิงจากห้องธรรมดาที่มารวมตัวกันอยู่หน้าประตู สายตาเต็มไปด้วยความดูแคลน
"แต่พูดถึงเหิงจงที่ดีขนาดนั้น ทำไมชูโย่วหนิงถึงอยากย้ายมาชิงจงล่ะ?"
"ใครจะรู้ล่ะ คงเป็นเพราะเรื่องงานของพ่อแม่มั้ง"
"..."
การสนทนายังคงไม่มีทีท่าว่าจะจบ สวีจิ้งซูคิดครู่หนึ่งแล้วหยิบหนังสือออกจากห้อง
หลินร่างเพียงแค่ไปช่วยชูโย่วหนิงขนหนังสือเท่านั้น เมื่อกลับมาก็แทบจำระเบียงทางเดินที่เคยผ่านมานับครั้งไม่ถ้วนไม่ได้แล้ว
ระเบียงแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ราวกับว่าทุกคนในชั้นนี้ออกมากันหมด ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนหญิง
แต่ทุกที่ที่พวกเขาเดินผ่าน ทุกคนจะเปิดทางให้ ถอยหลังไป
หลินร่างขยิบตาให้ชูโย่วหนิง "รู้สึกว่านักเรียนหญิงที่ชิงจงบ้าระห่ำมั้ย"
ชูโย่วหนิงสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้รู้สึกอะไรกับสภาพแวดล้อมรอบตัว "ก็พอไหว"
หลินร่างส่ายหัว "ก็จริง ผู้หญิงบ้าๆ ที่ไหนก็เหมือนกันหมด"
เมื่อทั้งสองเดินเข้าห้องทางประตูหลัง ทุกคนแทบจะหยุดพูดคุยในทันที แยกย้ายกลับที่นั่งของตัวเอง
ชูโย่วหนิงให้หลินร่างวางหนังสือบนโต๊ะ กล่าวขอบคุณ แล้วเริ่มจัดโต๊ะ
คนที่อยู่นอกห้องไม่มีทีท่าว่าจะแยกย้าย กลับมีแนวโน้มว่าจะมากันเพิ่มขึ้น ชูโย่วหนิงไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจมากนัก แต่ก็ไม่เงยหน้ามองเลยสักครั้ง
คนเรามักจะเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อคนและสิ่งใหม่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็จะสงบลง
เมื่อจัดลิ้นชักโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ชูโย่วหนิงก็หยิบกระติกน้ำขึ้นมาดื่ม เหลือบมองโต๊ะข้างๆ เจ้าของไม่อยู่ แต่หนังสือสำหรับคาบเรียนต่อไปถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบที่มุมบนขวาของโต๊ะ
จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายก่อนกริ่งเข้าเรียนจะดัง สวีจิ้งซูจึงเดินเข้ามาในห้องเรียนอย่างช้าๆ
ชูโย่วหนิงเห็นหนังสืออ่านนอกเวลาและสายหูฟังที่พันกันยุ่งในมือเธอ เขาเก็บอารมณ์ไว้อย่างไม่แสดงออก แล้วเริ่มทำโจทย์ในมือต่อ