




บทที่ 4
เขาคิดผิดถนัดที่นึกว่าฉันจะคุยกับเขาหลังจากเรื่องบ้าๆ ที่เขาก่อไว้
ฉันกินอาหารเงียบๆ โดยไม่มองไปทางเขาอีกเลย ฉันยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจ
“แล้วหลังมื้อเที่ยงเราจะทำอะไรกันดี” เควินถามฉันเมื่อฉันกินอาหารเสร็จแล้ว
“ไม่รู้สิ นายตัดสินใจเลย” ฉันพูดพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ท้องฉันอิ่มมากหลังจากกินเข้าไปเยอะ
“เราดูหนังกันไหม” เขาเสนอ และฉันก็พยักหน้าตอบตกลง
“ฉันขอไปด้วยได้ไหม” เจสันถามพลางมองมาที่ฉัน
“หนังเหรอ! ฉันชอบดูหนังมากเลย พวกเราขอไปด้วยได้ไหม” อลิชาชี้ไปที่เจสันและตัวเธอเอง ฉันแค่นเสียงในใจ ฉันเป็นใครกันที่จะไปปฏิเสธเขาได้ นี่มันบ้านของเขานี่นา เขาจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ฉันเบือนสายตาจากพวกเขาสองคนแล้วมองไปที่เจสัน พลางพยักหน้าตอบตกลงซึ่งทำให้เขายิ้มให้ฉัน
“คุณป้าคะ ให้หนูช่วยเก็บโต๊ะไหมคะ” ฉันถามท่านก่อนจะลุกไป
“ไม่เป็นไรจ้ะหนู หนูไปดูหนังให้สนุกเถอะ เดี๋ยวป้าจะเอาไอศกรีมไปส่งให้ที่นั่นนะ” ท่านพูดพลางยิ้มให้
“ไปกันเถอะ” เควินพูดแล้วลุกขึ้นยืน เราสองคนเดินไปที่โรงหนังขนาดเล็กซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของบ้านริเวียร่า
“แล้วเราจะดูเรื่องอะไรกันดี” เควินถามพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ฉันนั่งลงข้างๆ เขา
“ว้าว บ้านเธอมีโรงหนังขนาดเล็กด้วยเหรอ” ฉันได้ยินเสียงอลิชาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และเขาก็ครางรับในลำคอ
“แล้วเราจะดูเรื่องอะไรกัน” เจสันพูดขณะยืนอยู่ข้างๆ ฉัน ตรงที่เควินกำลังเลื่อนดูรายชื่อหนังอยู่
“คงเป็นหนังแอ็คชั่นหรือไม่ก็หนังสยองขวัญล่ะมั้ง” ฉันพูดโดยไม่มองหน้าเขา ฉันไม่ชินกับการคุยกับผู้ชาย ตั้งแต่อายุหกขวบ พ่อก็ส่งฉันไปเรียนโรงเรียนหญิงล้วน ดังนั้นผู้ชายที่ฉันเคยคุยด้วยเกินห้าประโยคก็มีแค่เควินกับเขาเท่านั้น
“เราควรดูหนังสยองขวัญนะ” อลิชาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะเดินเข้ามาพร้อมกับเขา
“คราวที่แล้วที่เราดูหนังสยองขวัญ เธอกรี๊ดซะลั่นเลยนะ งั้นเราดูหนังแอ็คชั่นกันดีกว่า” เขาพูดแล้วนั่งลงข้างฉันก่อนที่เจสันจะได้นั่งตรงนั้น
“โธ่เอ๊ย นั่นมันตั้งนานมาแล้ว ตอนนี้ฉันไม่กรี๊ดแล้วน่า ดูหนังสยองขวัญเถอะ” เธอบอกแล้วเดินมายืนข้างๆ เขา ดูท่าทางพวกเขาคงใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะมาก พวกเขาดูเหมือนเป็นมากกว่าเพื่อนเสียอีก จากท่าทีที่เธออยากจะอยู่ใกล้เขาตลอดเวลา ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบในอกอย่างคุ้นเคยเมื่อความคิดที่ว่าเธออาจเป็นแฟนของเขาวาบเข้ามาในหัว ทำให้อารมณ์ที่ค่อนข้างดีของฉันขุ่นมัวลงทันที ฉันเบือนสายตาจากหน้าจอเมื่อรู้สึกว่ามีคนมองมา อลิชากำลังมองฉันราวกับว่าอยากจะนั่งที่ของฉัน อย่างไรก็ตาม ฉันก็ไม่ได้อยากนั่งข้างเขาอยู่แล้ว ฉันลุกขึ้นเพื่อจะย้ายไปนั่งอีกฝั่งของเควิน แต่เขาก็กคว้าข้อมือฉันไว้ด้วยมือที่จับแน่นแล้วดึงฉันให้นั่งลงข้างเขาตามเดิม ฉันถลึงตาใส่เขาแล้วดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา ฉันไม่อยากให้เขาสัมผัสตัวฉัน การกระทำของฉันทำให้สีหน้าเขาเคร่งขรึม อลิชาที่ยืนอยู่ตรงนั้นมองดูทุกอย่างด้วยใบหน้าบึ้งตึงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วจึงนั่งลงข้างๆ เขา ถึงเธอจะพูดอะไรออกมาฉันก็ไม่สนใจอยู่ดี เจสันทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เธอเมื่อหนังเริ่มฉาย
“เรามาดูเรื่องเดอะ นันกัน” เควินพูดพลางเปิดหนังเรื่องนั้น
“ฉันอยากดูเรื่องนี้อยู่พอดีเลย” อลิชาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"เธอช่างพูดจังเลยนะ" คาวินกระซิบข้างหูฉัน ทำให้ฉันหัวเราะ ซึ่งทำให้เขามองมาที่เราด้วยสายตาอยากรู้ว่าเราหัวเราะอะไรกัน ไม่นานหนังก็เริ่มฉายและแม่บ้านก็นำไอศกรีมมาให้พวกเรา ก่อนที่ฉันจะได้ตักคำแรก ช้อนของเขาก็ถูกจ้วงลงมาแย่งไอศกรีมของฉันไป ทำเอาฉันอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ขณะมองเขาตาโต เขาฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันครบซี่ให้ฉัน เขาพยายามอย่างหนักที่จะยั่วโมโหฉันเพื่อให้ฉันคุยกับเขา และเขาก็ทำสำเร็จด้วยเพราะฉันเกือบจะกรี๊ดใส่หน้าเขาอยู่แล้ว แต่ฉันก็ควบคุมตัวเองไว้ได้ ฉันเบือนหน้าหนี หลับตาลง และสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งเพื่อควบคุมความโกรธ ฉันดูหนังต่อไป เควินกับฉันทายฉากต่อไปถูกทุกครั้ง
"พวกนายกำกับหนังเรื่องนี้กันเหรอ" เจสันถามด้วยน้ำเสียงขบขัน ทำให้ฉันยิ้มกริ่ม
"ใช่ ฉันเป็นผู้กำกับ ส่วนเควินเป็นแม่ชี" ฉันพูด ทำให้ทุกคนหัวเราะ
"ไม่ใช่สิ บทบาทมันสลับกันต่างหาก" เควินพูดขณะที่เราเถียงกันเรื่องนี้อยู่ห้านาที จากนั้นก็เริ่มทายฉากต่อไปอีกครั้ง
"หนังไม่เห็นน่ากลัวเลยสักนิด" ฉันพูดขณะตักไอศกรีมเข้าปาก "เห็นด้วย" เควินพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
"พูดอะไรกัน อลิชากลัวจนตัวสั่นแล้วเนี่ย" เจสันพูดขณะที่เธอกำลังกุมมือเขาราวกับว่าชีวิตของเธอขึ้นอยู่กับเขา มันทำให้ฉันกับคาวินหัวเราะลั่น
"อะไรกัน! มันน่ากลัวออก ไม่เห็นเหรอว่าไม้กางเขนมันกลับหัวได้ยังไง" เธอพูดด้วยน้ำเสียงปกป้องตัวเอง ทำให้พวกเราหัวเราะ ไอศกรีมของฉันเกือบจะหมดแล้วตอนที่เขายื่นถ้วยของเขามาให้ฉัน ตอนแรกฉันพยายามจะไม่รับ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ นี่มันไอศกรีมนะ ไม่นานฉันก็กินมันหมดเกลี้ยงเหมือนกัน ฉันเบื่อมากและหนังก็ยังเหลืออีกตั้งครึ่งเรื่อง ฉันเอนหลังพิงเบาะ ไม่นานเปลือกตาก็เริ่มหนักอึ้ง ฉันไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน ฉันขยับเข้าไปหาความอบอุ่นข้างๆ ขณะปรับท่าทางให้สบายขึ้น ฉันรู้สึกถึงมือที่ลูบไล้เส้นผม ซึ่งทำให้ฉันดำดิ่งสู่ห้วงนิทราลึกยิ่งขึ้น เมื่อฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองถูกกักอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง พร้อมกับกลิ่นโคโลญจน์คุ้นเคยที่ลอยอบอวลในอากาศที่ฉันหายใจเข้าไป ใบหน้าของฉันซบอยู่ที่ซอกคอของเขา ขณะที่แขนของเขาวางพาดรอบตัวฉันเพื่อประคองให้ฉันอยู่บนตักของเขา ฉันพยายามจะขยับหนีจากเขาทันที แต่เขาก็กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ฉันมองไปรอบๆ ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในโรงหนังแล้วนอกจากเราสองคน
ทุกคนไปไหนกันหมด
"หนังจบไปนานแล้ว ทุกคนกลับห้องไปหมดแล้วล่ะ" เขาพูดเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของฉัน นี่เขาอุ้มฉันตอนหลับมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย ฉันพยายามจะลงจากตักเขาอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย
"ทำไมเธอต้องโกรธฉันด้วย ลู" เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะประคองใบหน้าฉันให้หันไปหาเขา ฉันไม่ได้มองเขา เอาแต่ก้มหน้ามองต่ำ ฉันไม่ได้พูดอะไรและยังคงก้มหน้าอยู่
"มองหน้าฉันสิ ลู" เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ฉันก็ไม่ยอมทำตาม
"มองหน้าฉัน ลู" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ความอ่อนโยนหายไปจากน้ำเสียงของเขา ซึ่งทำให้ฉันตัวสั่นขณะที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา "ทำไมดื้อแบบนี้นะ" เขาพูดขณะประคองใบหน้าฉัน
"เธอรู้ไหมว่าฉันไม่ชอบเลยเวลาที่ลูของฉันเมินเฉยใส่" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่กลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง ขณะที่นิ้วหัวแม่มือของเขายังคงลูบไล้แก้มฉันเป็นวงกลมอย่างแผ่วเบา หัวใจของฉันละลายเมื่อเขาพูดแบบนั้น
"งั้นเธอจะใจอ่อนกับฉันใช่ไหม" เขาถามขณะที่ดวงตาสีอำพันของเขามองมาที่ฉันอย่างมีความหวัง ฉันกำลังจะพยักหน้าตอบตกลงอยู่แล้วเชียวตอนที่อลิชาก็พรวดพราดเข้ามา ทำให้ฉันต้องรีบลงจากตักเขา เธอเหลือบมองจากเขามาที่ฉันพร้อมกับรอยยิ้มฝืดๆ บนใบหน้า ขณะที่คำพูดต่อมาของเธอทำให้ฉันตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่คุยกับเขาอีกเลยตลอดไป
"ขอคุยกับแฟนฉันเป็นการส่วนตัวหน่อยได้ไหม"