




บทที่ 1
ฉันนั่งแกว่งขาไปมาอย่างตื่นเต้นอยู่บนม้านั่งในสวนของหอพักโรงเรียนคาทอลิกหญิงล้วน ใบหน้าของฉันประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ฉันจ้องมองไปยังสวนที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ ฉันหลับตาลง สูดหายใจลึกๆ รับกลิ่นหอมเย้ายวนของดอกกุหลาบ ขณะที่แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมา ทำให้ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นของฤดูร้อน ฉันรักดอกกุหลาบ ฉันมาที่สวนนี้เสมอไม่ว่าจะสุขหรือเศร้า เพราะการมองดอกกุหลาบทำให้ฉันรู้สึกสงบ ส่วนฤดูร้อนนั้น...
มันทำให้ฉันรู้สึกสงบใจ เพราะฉันจะได้เจอเขาแค่ช่วงเวลานี้ของปีเท่านั้น วันนี้ฉันมีความสุขมาก ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง ฉันรอคอยวันนี้มาห้าปีแล้ว และฉันก็ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไป ฉันไม่รู้จะแสดงมันออกมายังไง ด้านหนึ่ง ฉันรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ แต่อีกด้านหนึ่ง ฉันก็รู้สึกถึงความกลัวอันหอมหวานที่ค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วแขนขา ทำให้ร่างกายรับรู้ถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอย่างประหลาด ฉันดึงสายกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าซึ่งหล่นจากไหล่กลับขึ้นมา ขณะที่ฉันกำลังเหม่อลอยอยู่ในโลกแห่งความฝันพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ฉันวางแผนหลายสิ่งหลายอย่างเท่าที่เด็กอายุสิบห้าจะคิดได้ ความคิดของฉันถูกขัดจังหวะเมื่อได้ยินเสียงแหลมเล็กเรียกชื่อฉัน
“ลูน่า---ลูน่า” ฉันได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองไม่หยุด ฉันหันไปมองก็พบเอลล่า เพื่อนสนิทของฉันกำลังวิ่งมาทางนี้ราวกับมีผีจากตึกเก่าไล่ตามหลังเธอมา เธอชะลอฝีเท้าลงเมื่ออยู่ห่างจากฉันเพียงไม่กี่ก้าวเพื่อไม่ให้ตัวเองพุ่งเข้ามาชนฉันเต็มแรง ฉันมองเธอพลางขมวดคิ้วมุ่นขณะที่หน้าอกของหล่อนกระเพื่อมขึ้นลงเพราะหายใจไม่ทัน หล่อนหอบหายใจหนัก เท้ามือทั้งสองข้างลงบนเข่าเพื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ ปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ใบหน้าของเธอแดงก่ำจากการวิ่ง ผมยาวสีดำของเธอหลุดลุ่ยจากหางม้า หยาดเหงื่อผุดพรายจากหน้าผากไหลลงอาบใบหน้า ทำให้ผิวขาวน้ำนมของเธอเปล่งประกายท้าแสงแดด เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันรู้จัก ด้วยผมยาวสลวยและผิวขาวผ่อง ในขณะที่ฉันออกจะเหมือนทอมบอยมากกว่าด้วยผมสั้นสีน้ำตาลของฉัน
“เกิดอะไรขึ้นเอลล่า” ฉันถามพลางขมวดคิ้ว มองเธอพร้อมกับจัดสายกระเป๋าบนไหล่ให้เข้าที่อีกครั้ง
“ลูน่า พวกเราต้องการเธอ” หล่อนพูดเสียงหอบ พยายามควบคุมลมหายใจขณะที่ยังคงใช้มือยันเข่าพยุงร่างที่อ่อนล้าของตัวเอง
“ทีนี้มีเรื่องอะไรอีกล่ะ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ไปหรอก วันนี้ฉันจะกลับแล้วนะ” ฉันปฏิเสธพลางมองไปที่ประตูใหญ่ ฉันไม่อยากไปสายเมื่อพ่อมารับ
“ตะ--แต่ว่าทีมเด็กผู้หญิงปีกซีท้าแข่งกับเรานะ แล้วถ้าเราแพ้ พวกนั้นจะตราหน้าว่าเราเป็นพวกขี้แพ้ไปตลอดทั้งปีเลย” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ดึงความสนใจของฉันได้ชั่วแวบหนึ่ง
“พวกนั้นลืมไปแล้วรึไงว่าเราเพิ่งชนะพวกนั้นไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง?” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยพลางมองไปยังถนนยาวที่รถทุกคันใช้เข้ามาในบริเวณโรงเรียน
“พวกนั้นไม่ลืมหรอก! นั่นแหละเหตุผลที่พวกนั้นเลือกวันนี้มาแก้แค้น ตอนที่เธอกำลังจะไปไงล่ะ” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ควบคุมได้มากขึ้นพลางยืดตัวตรงเผชิญหน้ากับฉัน
“ฉันรู้ว่าพวกเธอจัดการพวกนั้นได้น่า กลับไปเถอะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายพลางใช้เท้าเคาะพื้น กัดริมฝีปากล่างของตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าพวกเขาต้องการฉันแต่พ่อก็จะมาถึงเมื่อไหร่ก็ได้เพื่อรับฉัน
“โธ่ ลูน่า ถ้าเราแพ้ เราจะกลายเป็นพวกขี้แพ้ไปทั้งปีเลยนะ” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ทำให้ฉันต้องละสายตาจากถนนกลับมามองเธอที่กำลังทำตาละห้อยอ้อนวอนฉัน ฉันถอนหายใจออกมาดังๆ รู้ดีว่าฉันทนอยู่กับคำว่า ‘ยัยขี้แพ้’ ไปทั้งปีไม่ได้แน่ ฉันมองไปที่ถนนแล้วกลับมามองเธออีกครั้งเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฉันทิ้งทีมของฉันไม่ได้
“ไปสั่งสอนพวกนั้นกันหน่อยที่ดันมาหาเรื่องฉันผิดเวลา” ฉันพูดพลางลุกขึ้นจากที่นั่ง ความโกรธแล่นริ้วขึ้นมาในตัว พวกนั้นจงใจเลือกเวลานี้เพื่อที่จะเอาชนะพวกเรา คิดว่าฉันจะทิ้งทีมไปง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ ต่อให้ในฝันร้ายฉันก็ไม่มีวันยอมให้ทีมของฉันต้องกลายเป็นผู้แพ้ไปทั้งปีหรอก พอได้ฟังคำพูดของฉัน เอลล่าก็ยิ้มกว้างให้ฉันพลางเต้นท่าดีใจเล็กๆ ที่เธอเกลี้ยกล่อมฉันสำเร็จ ในเวลาไม่นาน ฉันก็ไปยืนอยู่บนสนามฟุตบอล มีลูกบอลอยู่ในมือ สวมชุดสแปนเด็กซ์และเสื้อเจอร์ซีย์สำหรับเล่นฟุตบอลซึ่งมีชื่อของฉันเขียนด้วยตัวหนา ข้างๆ ฉันมีเอลล่ายืนอยู่พร้อมกับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ
“นี่มันอะไรกัน เธอบอกฉันว่ากัปตันทีมปีกเอจะกลับบ้านวันนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำซากอะไรยัยนั่นถึงมาอยู่นี่ได้” ฉันได้ยินเสียงกัปตันทีมปีกซีถามสมาชิกทีมของเธอพลางหรี่ตามองมาที่ฉัน ฉันเสยผมสั้นระดับใบหูของตัวเองแล้วยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก ทำท่าส่งจูบให้เธอเป็นการทักทาย ทำให้ใบหน้าของหล่อนกระตุกด้วยความโกรธ หล่อนยังคงแค้นฉันอยู่ เพราะฉันเอาชนะหล่อนอย่างราบคาบในแมตช์ที่แล้ว ฉันไม่ปล่อยให้หล่อนทำประตูได้แม้แต่ลูกเดียว
“พร้อมจะแก้มือรึยังล่ะ” ฉันถามพร้อมกับยิ้มเยาะ ทำให้หล่อนกำหมัดแน่น
"เตรียมตัวแพ้ได้เลย พวกขี้แพ้" หล่อนพูดด้วยความโกรธเมื่อเห็นฉันยิ้มเยาะไปทางหล่อน
"เดี๋ยวก็รู้" ฉันพูดพร้อมกับยิ้มเยาะแบบเดียวกัน ทำให้หล่อนกัดฟันกรอด
"เริ่มแข่งกันเลย!" เอลล่าพูดเสียงดัง ขณะที่ฉันได้ยินเสียงนกหวีดดังขึ้น และแล้วการแข่งขันแห่งศักดิ์ศรีของเราก็เริ่มต้นขึ้น
"ครั้งนี้ฉันไม่ยอมให้แกชนะแน่!" กัปตันทีมฟุตบอลตึกซีตะโกนขณะวิ่งเข้ามาหาฉันเพื่อเตะลูกบอลที่วางอยู่กลางสนาม อย่างที่หล่อนว่า หล่อนเล่นสกปรกเหมือนเคยเพื่อพยายามจะเอาชนะ แต่ทีมของฉันไม่ยอมให้ลูกไม้ตื้นๆ ของพวกหล่อนผ่านไปได้ เราชนะการแข่งขัน เอลล่าทำได้สองประตูทั้งที่ข้อศอกแตก ส่วนฉันทำไปสี่ประตูจนเข่าพัง สมาชิกคนอื่นๆ ในทีมของฉันก็มีรอยฟกช้ำตามแขนขาเหมือนกัน ในทางกลับกัน พวกผู้หญิงทีมตึกซีกำลังเดินกะเผลกออกจากสนามไปด้วยความพ่ายแพ้
"เจอกันนัดหน้านะ พวกขี้แพ้ ถึงตอนนั้นก็ไปซ้อมเล่นฟุตบอลมาใหม่ด้วยล่ะ" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันขณะที่หล่อนกำลังเดินกะเผลกกลับไปยังตึกของตัวเองโดยมีเพื่อนร่วมทีมพยุง
"เย้! เราทำได้แล้วทุกคน!" เอลล่าพูดอย่างผู้ชนะ ตามด้วยเสียงครางเพราะเจ็บแขนตอนพยายามจะเต้น ทำให้ฉันกับทีมหัวเราะในความกระตือรือร้นของเธอ พวกเรารวมกลุ่มกันกระโดดโลดเต้นฉลองชัยชนะ
"ลูน่า เดวิส พ่อของเธอมาแล้วนะ" ฉันได้ยินซิสเตอร์คนหนึ่งเรียกชื่อฉัน ขณะที่ฉันกำลังหัวเราะอยู่กับเอลล่า ยังคงสนุกกับชัยชนะของเรา
"ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ซิสเตอร์!" ฉันตะโกนตอบ ทำให้ซิสเตอร์คนนั้นเดินกลับเข้าไปข้างใน แล้วฉันก็มองไปที่เอลล่าซึ่งมีสีหน้าเศร้าสร้อย
"ฉันคงคิดถึงเธอแน่เลย" เอลล่าพูดพร้อมกับกอดฉัน
"เธอก็รู้ว่ามากับฉันได้นะ ยินดีต้อนรับเสมอ" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะผละออกจากอ้อมกอดแล้วทัดผมยาวที่ปรกหน้าของเธอไว้หลังหู ฉันรู้สึกสงสารเธอที่รู้ว่าเธอไม่มีใครให้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมฤดูร้อนด้วย ถึงแม้ฉันจะไม่เคยเห็นหน้าแม่ แต่ฉันก็มีพ่ออยู่ข้างๆ ในโลกกว้างใบนี้ แต่เอลล่ามีแค่ฉัน เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้า
"ฉันรู้ แต่เธอก็รู้ว่าฉันจะไปช่วยงานที่บ้านพักคนชราตลอดช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่เหลือ" เธอพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า ขณะซ่อนความเจ็บปวดไว้หลังดวงตาที่ดูมีความสุข นี่เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ดีที่สุดของเอลล่า เธอมักจะมีความสุขเสมอแม้ว่าข้างในจะเจ็บปวด เธอเป็นผู้ใหญ่เกินวัยสิบห้าปีมาก ไม่เหมือนฉันเลย
"โทรหาฉันทุกวันนะ ตอนกลับจากบ้านพักคนชราแล้ว" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเดิมพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจ
"กลับมาแล้วซื้อช็อกโกแลตมาฝากฉันด้วยนะ หวังว่าครั้งนี้เธอจะแบ่งช็อกโกแลตพิเศษของเธอให้ฉันบ้าง" เธอพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า ทำให้ฉันหน้าแดง เธอรู้ว่าฉันไม่เคยแบ่งให้ใครเลย และนั่นคือเหตุผลที่เธอชอบแกล้งฉัน
"ฉันต้องไปแล้วล่ะ แล้วเจอกันทันทีที่ปิดเทอมจบนะ" ฉันพูดทั้งที่ยังหน้าแดง ขณะวิ่งไปที่ต้นไม้ซึ่งกระเป๋าของฉันวางอยู่ ไม่ได้สัญญาว่าจะแบ่งช็อกโกแลตพิเศษให้เธอหรือเปล่า พอสะพายกระเป๋าเรียบร้อย ฉันก็วิ่งไปที่ห้องทำงานที่พ่อคงกำลังรออยู่ แต่ไม่ลืมที่จะโบกมือลาเอลล่าลับหลัง
"พ่อคะ!" ฉันร้องเสียงแหลมทันทีที่ร่างสูงของพ่อปรากฏในสายตาขณะวิ่งเข้าไปหา
"โอ้ แชมป์ฟุตบอลของพ่อมาถึงแล้ว" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงดีใจขณะอุ้มฉันขึ้นกอดแล้วหมุนตัวเราทั้งคู่
"ชนะอีกแล้วเหรอลูก?" พ่อถามด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
"ค่ะ หนูยิงประตูชัยได้ด้วย" ฉันพูดอย่างมีความสุขพร้อมพยักหน้ารับและยิ้มกว้าง
"พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ" พ่อพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
"พ่อคะ ปล่อยหนูลงเถอะ หนูโตเกินกว่าพ่อจะอุ้มไปที่รถแล้ว" ฉันพูดพลางหัวเราะขณะที่พ่อเริ่มเดินไปที่ประตูโดยที่ฉันยังอยู่ในอ้อมแขน
"ลูกยังเป็นเด็กน้อยของพ่ออยู่เลย ให้พ่ออุ้มเถอะน่า" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงคัดค้านขณะอุ้มฉันไปที่รถ ปรับท่าให้ร่างสูงห้าฟุตสี่นิ้วของฉันเข้าที่ในอ้อมแขน ฉันพยายามจะดิ้นลง แต่พ่อก็ไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งถึงรถ ไม่นานเราก็อยู่บนเส้นทางกลับบ้านที่ฉันคิดถึงมาก พอรถใกล้ถึงจุดหมาย ความตื่นเต้นและอาการใจหวิวที่ฉันรู้สึกมาตั้งแต่เช้าก็กลับมาอีกครั้ง
"พ่อคะ เราจะไปคฤหาสน์ริเวียร่าก่อนหรือเปล่าคะ?" ฉันถามพลางเบิกตากว้างพยายามซ่อนความตื่นเต้น
"ไม่ใช่วันนี้จ้ะลูกรัก เราจะไปกันพรุ่งนี้ ทุกคนอยากเจอหนูใจจะขาดแล้ว" พ่อพูดพร้อมรอยยิ้มขณะมองฉัน แต่แล้วก็หันกลับไปมองถนน
"จริงเหรอคะ?" ฉันถามทั้งที่รู้ว่าพวกเขาคิดถึงฉัน พ่อพยักหน้า ยังคงมองถนน
"เมื่อวานคุณย่าเพิ่งถามพ่ออยู่เลยว่าเมื่อไหร่หนูจะกลับมา" พ่อพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าขณะอ่านความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ของฉันได้ก่อนที่ฉันจะปิดบังมันได้สนิท ฉันไม่เคยเก่งเรื่องซ่อนอะไรจากพ่อได้เลย
"อืมมม" ฉันครางรับพลางพยักหน้าให้พ่อ ฉันกัดริมฝีปากล่าง ห้ามตัวเองไม่ให้ถามสิ่งที่อยากถามใจจะขาดทันทีที่พ่อบอกว่าทุกคนคิดถึงฉัน คำถามนั้นจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก ฉันจึงเม้มปากแน่นขณะพิงศีรษะกับเบาะแล้วหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตัวเอง แต่คำถามที่ฉันไม่กล้าเอ่ยปากออกไปกลับวนเวียนซ้ำๆ อยู่ในใจ
เขา...อยากเจอฉันเหมือนกันหรือเปล่านะ?
เขายังจำสัญญาที่ให้ไว้กับฉันเมื่อห้าปีก่อนได้ไหม?