




บทที่ 5
ห้องประชุมสภาเป็นพื้นที่อันน่าเกรงขาม กำแพงหินสีทึบเรียงราย ได้รับแสงสว่างจากเปลวไฟริบหรี่ของเชิงเทียนอันวิจิตร รอบโต๊ะยาวตัวหนึ่งคือเหล่าผู้ทรงอำนาจที่สุดแห่งน็อคติส โดมิเนีย ใบหน้าของพวกเขาอยู่ในเงามืด ทว่าดวงตากลับทอประกายแห่งสติปัญญาอันเฉียบแหลม
เซราฟิน่าก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่างามสง่าเช่นเคย สะกดความสนใจของทั้งห้องได้โดยมิต้องเอ่ยวาจา นางเข้าประจำที่หัวโต๊ะ สายตาเย็นชาของนางกวาดมองไปทั่วสภาที่มาชุมนุมกัน
“กษัตริย์คาเอลแห่งซิลเวอร์ไวลด์สได้เสนอการเป็นพันธมิตรเพื่อต่อต้านพวกมนุษย์” เซราฟิน่าเริ่มต้น น้ำเสียงของนางสงบนิ่งแต่ก้องกังวาน “เงื่อนไขของเขาคือการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างธิดาของเขา เจ้าหญิงเซลีน และบุตรชายของข้า เจ้าชายดิมิทรี”
เสียงพึมพำแสดงความไม่พอใจระลอกหนึ่งดังขึ้นทั่วห้อง
“นี่มันเรื่องไร้สาระสิ้นดี” ลอร์ดมาร์เซลลัสถ่มคำพูดออกมา น้ำเสียงเจือความเหยียดหยาม “เราเป็นปรปักษ์กับพวกมนุษย์หมาป่ามานานหลายศตวรรษ เหตุใดเราต้องลดตัวลงไปผูกสัมพันธ์เช่นนั้นด้วย”
เลดี้เอรินดร้าพยักหน้าเห็นด้วย นัยน์ตาสีมรกตของนางหรี่ลง “เรื่องนี้มีกลิ่นของความสิ้นหวังจากฝั่งนั้น ปล่อยให้พวกมันดูแลตัวเองไปเถอะ”
ไวเคานต์เรนิสทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ “ข้าว่าเราปฏิเสธไปให้สิ้นเรื่อง ศักดิ์ศรีของเราจะถูกลดทอนเพื่อความสะดวกของพวกมันไม่ได้”
ห้องประชุมเริ่มเสียงดังขึ้นเมื่อสมาชิกสภาโต้เถียงกัน เสียงพูดคุยทับซ้อนจนกลายเป็นเสียงคัดค้านอื้ออึง
“พอได้แล้ว” น้ำเสียงทรงอำนาจของลอร์ดวาร์รอสตัดผ่านเสียงอึกทึกราวกับคมดาบ น้ำเสียงที่เฉียบคมและสุขุมของเขาบังคับให้ทุกคนเงียบลง “การปฏิเสธอาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ชัดเจน แต่ลองพิจารณาดู การยอมรับข้อเสนอของพวกมันไม่ได้ผูกมัดเราด้วยความภักดี เราสามารถใช้เผ่าพันธุ์ของพวกมันเป็นทรัพยากรสงครามที่ได้มาเปล่า ปล่อยให้พวกมนุษย์หมาป่าหลั่งเลือดเพื่อเรา”
ความเงียบอันหนักอึ้งเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง ขณะที่ทุกคนกำลังซึมซับความหมายในคำพูดของเขา
“ข้อเสนอนี้นับว่ามีเหตุผล” เลดี้อัลเธียกล่าวอย่างครุ่นคิด นิ้วเรียวของนางไล้ไปตามขอบม้วนกระดาษ “ยอมรับข้อเสนอ แต่ให้ร่างเงื่อนไขการสมรสที่รัดกุมเพื่อรับประกันว่าเรายังคงเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบ ปล่อยให้พวกมันคิดว่าได้พันธมิตร ในขณะที่เรายังคงเป็นผู้ควบคุม”
สมาชิกสภาส่งเสียงพึมพำเห็นด้วย การคัดค้านก่อนหน้านี้ละลายหายไปกลายเป็นการยอมรับอย่างไม่เต็มใจ
“เช่นนั้นดูเหมือนว่าเราจะเห็นพ้องต้องกันแล้ว” เซราฟิน่ากล่าว รอยยิ้มจางๆ ของนางแฝงแววแห่งชัยชนะ “ข้าจะนำเงื่อนไขของเราไปแจ้งแก่กษัตริย์คาเอล ปล่อยให้พวกหมาป่าคิดว่าพวกมันได้พันธมิตรที่มั่นคง ในขณะที่เราเตรียมการเพื่ออนาคตของเรา”
เซราฟิน่าลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยอำนาจอันเงียบงัน เสียงอาภรณ์ของนางที่เสียดสีกันเบาๆ คือสิ่งเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันหลังสิ้นสุดคำพูดของนาง สมาชิกสภาซึ่งดวงตายังคงฉายแววเฉียบคมจากน้ำหนักของการหารือ ลุกขึ้นยืนพร้อมเพรียงกันและก้มศีรษะแสดงความเคารพยำเกรงต่อนาง
โดยมิต้องเอ่ยวาจาใด เซราฟิน่าหันหลังและเดินออกจากห้องประชุม บานประตูหนักอึ้งปิดลงตามหลังนางพร้อมกับเสียงดังทึบก้องกังวาน
/ - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ห้องประชุมสภาแห่งซิลเวอร์ไวลด์สอบอวลไปด้วยความตึงเครียดขณะที่บานประตูหนักอึ้งเปิดออกพร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าด ผู้ส่งสารจากน็อคติส โดมิเนีย ก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าที่มั่นคงและสุขุม ในมือถือม้วนสารที่ประทับตราไว้ เขาเดินเข้าไปยังโต๊ะประชุมและยื่นม้วนสารให้แก่ผู้ประกาศสารด้วยการโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
ผู้ประกาศสารคลี่ม้วนกระดาษโบราณออก เสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วห้องประชุมขณะที่เริ่มอ่านออกเสียง ถ้อยคำเหล่านั้นฟังดูคุ้นเคย แต่เป็นน้ำหนักของแต่ละเงื่อนไขที่ทำให้ความกระสับกระส่ายแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
“ข้อตกลงการสมรสระหว่างอาณาจักรแวมไพร์แห่งน็อคติส โดมิเนีย และอาณาจักรมนุษย์หมาป่าแห่งซิลเวอร์ไวลด์ส” ผู้ประกาศสารกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง
สมาชิกสภาต่างโน้มตัวไปข้างหน้า ดวงตาของพวกเขาหรี่ลงขณะตั้งใจฟัง ผู้ส่งสารยืนนิ่งเงียบ รอคอยปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้น
“ข้อ 1: อำนาจอธิปไตย การสมรสระหว่างเจ้าชายดิมิทรี เดอลาครัวซ์ และเจ้าหญิงเซลีน สตีล จะเป็นสัญลักษณ์แห่งพันธมิตร แต่ทั้งสองฝ่ายจะมิอาจล่วงละเมิดอำนาจอธิปไตยของอีกฝ่ายได้ ทั้งสองอาณาจักรยังคงมีอำนาจควบคุมดินแดน กองทัพ และทรัพยากรของตนโดยสมบูรณ์”
เสียงพึมพำระลอกหนึ่งดังขึ้นทั่วห้อง เหล่าผู้อาวุโสสบตากัน ความกระสับกระส่ายของพวกเขาปรากฏชัด มันเป็นเงื่อนไขที่ผิวเผินดูเหมือนจะยุติธรรม แต่ทว่าน้ำหนักของมัน...ที่เป็นเพียงพิธีการ...กลับไม่มีใครมองข้ามไปได้
“ข้อ 2: ความช่วยเหลือทางการทหาร เหล่ามนุษย์หมาป่าแห่งซิลเวอร์ไวลด์สจะต้องจัดหากองกำลังภาคบังคับจำนวน 5,000 นาย เพื่อช่วยในการป้องกันอาณาจักรน็อคติส โดมิเนีย นักรบเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การบัญชาการโดยตรงของเหล่านายพลแห่งน็อคติส โดมิเนีย ในช่วงสงคราม”
และนั่นคือประเด็นแห่งความขัดแย้งที่แท้จริงข้อแรก ขุนนางสองสามคนตัวแข็งทื่อ ความไม่พอใจของพวกเขาดังให้ได้ยินขณะที่ลอร์ดอรินพึมพำ “ห้าพันรึ เรากำลังจะยกนักรบที่เก่งที่สุดของเราห้าพันนายไปสู้ในสงครามของพวกมันงั้นหรือ”
“ซิลเวอร์ไวลด์สยืนหยัดได้ด้วยตนเองเสมอมา” เลดี้มากิน่าเสริมขึ้น น้ำเสียงของนางร้อนรนขึ้น “เราไม่ใช่ทหารรับจ้างของพวกแวมไพร์”
คาเอลขบกรามแน่น แต่ยังคงสงบนิ่ง เขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องมาถึง ราคาของพันธมิตรครั้งนี้สูงลิ่ว และหลายคนไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน แต่เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว
ผู้ประกาศสารเคลื่อนที่ต่อไป อ่านข้อตกลงข้อถัดๆ ไปอย่างรวดเร็ว แทบไม่มีเสียงตอบรับต่อส่วนที่เหลือ... ทั้งเรื่องการสนับสนุนทางทหาร คำรับรองถึงความภักดีและเกียรติยศ แต่แล้วก็มาถึงข้อตกลงที่ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน
-
-
- ข้อที่ ๔ * * : การทำให้การสมรสสมบูรณ์ การสมรสจะถือว่าสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการร่วมหอแล้วเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายจำต้องทำให้การสมรสสมบูรณ์ภายในหนึ่งรอบเดือนจันทร์หลังพิธี ข้อตกลงนี้จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้การสมรสได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากทั้งสองฝ่ายและอาณาจักรของตน
-
ทั้งห้องเงียบกริบ ทุกสายตาจับจ้องไปยังคาเอล รอคอยปฏิกิริยาของเขา ความตึงเครียดในอากาศนั้นอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ขณะที่เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังขึ้น
“เราคาดหวังเรื่องนี้กันจริงๆ หรือเพคะ” ท่านหญิงไลราเอ่ยถาม เสียงสั่นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงจริงๆ หรือ”
ท่านลอร์ดเฟนริสตวาด “เจ้าชายกับเจ้าหญิงยังไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ เราจะบังคับพวกเขาแบบนี้ได้อย่างไร”
มือของโรแนนกำที่วางแขนของเก้าอี้แน่น เขารู้สึกถึงความร้อนที่พลุ่งพล่านในอกขณะที่ดวงตาหรี่ลง จับจ้องอยู่ที่พื้น ความคิดที่ว่าเซลีน น้องสาวของเขา จะถูกบังคับให้... ทำเรื่องเช่นนั้น... มันเกินกว่าที่เขาจะทนรับไหว
“แล้วถ้าหากนางปฏิเสธเล่าเพคะ” ท่านหญิงมากินาถาม น้ำเสียงเคร่งเครียด ความกังวลฉายชัด
โรแนนผุดลุกขึ้นทันที น้ำเสียงของเขาเฉียบคม “แล้วถ้าหากนางปฏิเสธล่ะ? เราพร้อมที่จะผลักไสนางให้เข้าไปในฝันร้ายนี้กับ... แวมไพร์นั่นรึ?” ดวงตาของเขาแผดเผาด้วยความโกรธขณะหันไปเผชิญหน้ากับคาเอล “ท่านจะยอมสังเวยนางเพื่อพันธมิตรนี่น่ะรึ?”
แววตาของคาเอลแข็งกร้าวขึ้น “ข้ายอมสละได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งลูกสาวของข้า เพื่อความอยู่รอดของอาณาจักรนี้ พวกท่านทุกคนรู้ดีว่าพวกมนุษย์ทำอะไรได้บ้าง เราจะยืนหยัดเพียงลำพังไม่ได้ พันธมิตรกับพวกแวมไพร์ครั้งนี้คือโอกาสเดียวของเรา”
เหล่าสภาส่งเสียงพึมพำตอบรับ และคาเอลก็พูดต่อ “เงื่อนไขมันโหดร้าย แต่ก็จำเป็น เราไม่มีเวลาให้ฟุ่มเฟือย”
ท่านหญิงไลราแทรกขึ้น “แต่เรื่องการร่วมหอล่ะเพคะ? เราจะขอให้พวกเขา—”
“มันต้องเกิดขึ้น” คาเอลขัดจังหวะ เสียงของเขาดังกังวานตัดความเงียบในห้อง “หากการแต่งงานครั้งนี้จะถูกผนึก มันก็ต้องทำให้สมบูรณ์ เราจะอ่อนแอ ลังเล หรือปฏิเสธไม่ได้”
ความตึงเครียดในห้องทวีความหนาแน่นขึ้น เหล่าผู้อาวุโสแลกเปลี่ยนสายตาที่ไม่แน่ใจต่อกัน แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยค้านคาเอลในตอนนี้ การตัดสินใจได้เกิดขึ้นแล้ว น้ำหนักของมันทาบทับลงบนพวกเขาราวกับผ้าห่มผืนหนัก
ทันใดนั้น ทาเลนก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขามั่นคงและเยือกเย็น “ฝ่าบาท” เขาพูด สายตาประสานกับคาเอลอย่างเด็ดเดี่ยว “คำตอบของฝ่าบาทคืออะไรพ่ะย่ะค่ะ? เราจะดำเนินพันธมิตรนี้ต่อไปหรือไม่?”
ดวงตาของคาเอลเย็นชา น้ำเสียงของเขาไม่สั่นคลอน “พวกแวมไพร์แข็งแกร่งกว่าเรา หากพวกมนุษย์บุกมา มันจะเป็นจุดจบของเรา การแต่งงานต้องเกิดขึ้น เราไม่มีทางเลือก”
หมัดของโรแนนกำแน่นขึ้น ในหัวของเขาว้าวุ่น และก่อนที่จะทันได้ยั้งตัวเอง เขาก็ลุกขึ้นยืนพรวดพราด เสียงเก้าอี้ครูดกับพื้น
“ข้าไม่ยอมเรื่องนี้” เขาพึมพำกับตัวเองขณะเดินกระทืบเท้าออกจากห้องไป ทิ้งให้สภาตกอยู่ในความเงียบงันอย่างตกตะลึง หัวใจของเขาเต้นรัวอยู่ในอก ความโกรธเกรี้ยวพลุ่งพล่านอย่างไม่อาจควบคุม
เสียงฝีเท้าของโรแนนดังก้องไปตามโถงทางเดินหินของปราสาทขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังห้องของเซลีน ก้อนความตึงเครียดบีบรัดในอกแน่นขึ้น เขาหยุดคิดถึงการประชุมในท้องพระโรงไม่ได้ ทั้งเรื่องพันธมิตร การแต่งงาน และพวกแวมไพร์ ทุกอย่างกำลังจะเข้าที่เข้าทาง แต่สิ่งหนึ่งที่คอยกัดกินใจเขา สิ่งเดียวที่เขาสลัดไม่หลุด คือเซลีน
เมื่อเขามาถึงหน้าประตูของนาง มือของเขาก็กระแทกลงบนบานประตู ทุบอย่างแรง เสียงของเขาสูงขึ้นตามความร้อนรนในอก “เซลีน!”
ไม่มีเสียงตอบรับ
ความเย็นเยียบวาบไปทั่วร่างขณะที่หัวใจของเขาเริ่มเต้นระรัว น้องสาวของเขาเป็นคนใจเด็ดเสมอมา แต่ความเงียบนี้... มันไม่เหมือนนางเลย โรแนนไม่รออีกต่อไป เขาบิดลูกบิดและผลักประตูให้เปิดออก
สิ่งที่เขาเห็นทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน
กลางห้องนั้น องครักษ์คนสนิทของเซลีนถูกมัดติดอยู่กับเสา ปากของนางถูกอุดไว้ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว นางอ้าปากพะงาบๆ พยายามหายใจ ร่างสั่นเทาขณะดิ้นรนขัดขืน
เลือดในกายของโรแนนเย็นเฉียบ เขารีบพุ่งเข้าไปข้างหน้า กระชากผ้าที่อุดปากนางออก
“เซลีนอยู่ที่ไหน” เสียงของเขาต่ำและควบคุม แต่แฝงไว้ด้วยความตื่นตระหนก
อกของหญิงสาวกระเพื่อมขึ้นลงขณะพยายามหายใจ นางมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและหวาดผวา เสียงของนางแผ่วเบาแทบเป็นกระซิบ “องค์ชาย... องค์หญิง...”
“บอกข้ามาว่านางอยู่ที่ไหน!” น้ำเสียงของเขาเฉียบคมขึ้น ความกลัวและความโกรธปะทะกันอยู่ภายใน
หญิงสาวพยายามพูด เสียงสั่นเทา “นาง... นางหนีไปแล้วเพคะ...”
โรแนนตัวแข็งทื่อ ‘หนีไปงั้นรึ?’
/ - - - - - - - - - - - - - - - - - -