




4
"เจน อายุเท่าไหร่เหรอ" เอ็มม่าถามขึ้นมาลอยๆ ขณะที่ซีรีส์เกมออฟโธรนส์ฉบับรีรันเริ่มฉายบนหน้าจอทีวี
เราเพิ่งกินมื้อค่ำกันเสร็จ—คือ ฉันเป็นคนทำ ส่วนเธอก็กินเรียบทุกคำราวกับราชินีในงานเลี้ยง—แล้วตอนนี้เราก็นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาของเธอ ทั้งคู่อิ่มและสบายตัวเกินไปหน่อย
“สิบเจ็ด” ฉันตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ จอน สโนว์เพิ่งเดินเข้าไปในห้องที่บรรยากาศตึงเครียด และฉันจะไม่มีทางพลาดฉากนี้ไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว
แต่ฉันรู้สึกได้...ถึงพลังงานที่เปลี่ยนไป ถึงสายตาคมกริบที่ส่งมาจากทางเธอ แม้ไม่ต้องหันไปมอง ฉันก็รู้ว่าเธอกำลังจ้องฉันอยู่
“อะไรเหรอ” ฉันถามโดยที่ยังไม่ละสายตา
“เธอเป็นผู้เยาว์เหรอ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ แล้วจากนั้น—เพียะ—มือของเธอก็ฟาดลงบนแขนฉัน แรงพอที่จะดึงสมาธิฉันกลับมาจากเวสเทอรอสได้
“โอ๊ย!” ฉันกุมแขนตัวเองแล้วทำปากยื่นอย่างเล่นใหญ่ “ตีทำไมเนี่ย” ฉันครวญคราง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร
เธอขยับเข้ามาใกล้ขึ้น และทันใดนั้น มือของเธอก็วางลงบนมือฉัน ส่วนอีกข้างก็โอบรอบไหล่ฉันไว้ราวกับกำลังแสดงความเป็นเจ้าของในแบบที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉันตัวแข็งทื่อ ร่างกายฉันยังไม่พร้อมรับการสัมผัสแบบนั้น ไม่ใช่จากเธอ ไม่ใช่ในตอนที่ฉันยังพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวเองเวลาที่เธอมองฉันแบบนั้น—เหมือนว่าฉันเป็นอะไรที่มากกว่าแค่เด็กข้างบ้าน
“ขอโทษนะ” เธอพูดเบาๆ “แต่เอาจริงดิเจน เป็นผู้เยาว์เนี่ยนะ ทำไมไม่เคยบอกฉันเลย แล้วที่สำคัญกว่านั้น แม่เธอว่าไงบ้างที่เธอแอบมาบ้านฉันทุกคืนแบบนี้”
น้ำเสียงของเธอกลับไปเป็นกึ่งดุกึ่งว่าอีกครั้ง แต่ฉันแทบไม่ได้ยินที่เธอพูดเลย แขนของเธอ...ที่โอบรอบตัวฉันอยู่ ฉันรู้สึกได้ถึงทุกส่วนของมัน—ทั้งน้ำหนัก ความอบอุ่น และปฏิกิริยาของผิวฉันที่ตอบสนองราวกับว่ามันรอคอยสิ่งนี้มาตลอดกาล นี่เธอแค่โกรธจริงๆ หรือว่าเธอใส่ใจฉันมากเกินไปกันแน่
“แอบมาเหรอ แม่ฉันชอบเธอออก” ฉันพยายามพูดออกมา พยายามทำตัวสบายๆ ทั้งที่หัวใจเต้นรัวจนแทบจะกลบเสียงทีวี
เธอถอยห่างออกไปเล็กน้อยเพื่อให้มองเห็นหน้าฉันได้ชัดขึ้น แล้วหรี่ตามองอย่างจับผิดแบบที่เธอชอบทำ
“จริงเหรอ” เอ็มม่าถาม
“อื้ม แม่บอกว่าเธอทักทายท่านตลอดเลยเวลาที่เจอ ก็...ช่วยให้คะแนนเธอดีขึ้นล่ะนะ” ฉันแกล้งหยอก หวังจะคลายความตึงเครียด
ริมฝีปากของเธอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา “แหม ก็ไม่รู้นี่ว่าเป็นแม่ของเธอ โชคดีนะเนี่ยที่ทักถูกคนทุกเช้า”
เธอเอนตัวกลับเข้ามา แขนยังคงโอบฉันไว้ และฉันสาบานได้เลยว่าเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายฉันสว่างวาบราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ซีรีส์ตอนต่อไปฉายไปโดยที่เราสองคนไม่มีใครขยับ ในที่สุดศีรษะของเธอก็เคลื่อนมาซบที่ไหล่ฉัน และเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มที่ฉันไม่ได้ยินคำพูดของตัวละครเลยสักคำ สิ่งเดียวที่ฉันได้ยินคือเสียงลมหายใจของเธอกับเสียงหัวใจตัวเองที่พยายามจะสงบลงให้ได้
แล้วเสียงหาวก็ดังขึ้น
“ง่วงเหรอ ฉันว่าฉันกลับดีกว่า—”
“ไม่ ไม่ต้อง อยู่ต่อเถอะนะ” เธองึมงำอย่างงัวเงีย ยังคงซบอยู่บนไหล่ฉัน
แขนของเธอโอบรอบเอวฉันแน่นขึ้น และเธอก็ซุกตัวเข้ามาลึกกว่าเดิม แล้วฉันล่ะ ฉันน่ะเหรอ...ตัวแข็งทื่อเป็นหินไปเลย เหมือนรูปปั้นก็ไม่ปาน การหายใจกลายเป็นสิ่งที่ต้องเลือกทำ และฉันก็เลือกที่จะสูดมันเข้าไปตื้นๆ แผ่วเบา
“เดี๋ยวทอดเฟรนช์ฟรายส์ให้เอาไหม” ฉันเสนอเสียงแผ่ว พยายามอย่างยิ่งที่จะหาอะไรมาเบี่ยงเบนความสนใจ
“เฟรนช์ฟรายส์เหรอ อืม...ไม่เอาดีกว่า ยังอิ่มอยู่เลย” เธอกระซิบ พลางกอดแน่นขึ้นไปอีก ถ้าก่อนหน้านี้ฉันยังไม่ตายเพราะความรู้สึกปั่นป่วนในท้องล่ะก็ การกระทำนี้คงส่งฉันสู่สุขคติไปแล้ว
ฉันพยายามแล้ว และก็ล้มเหลว ที่จะตั้งใจดูทีวี ฉันไม่เข้าใจเนื้อเรื่องอะไรเลยสักนิด ดูไปก็เหมือนดูจอซ่าๆ ที่ไม่มีสัญญาณ ในหัวของฉันมีแต่เรื่องของเอ็มม่าเต็มไปหมด—เส้นผมของเธอ สัมผัสของเธอ ความอบอุ่นของเธอ—และเพิ่งตระหนักได้ว่าเธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรกับใจฉัน
หลังจากที่เวลาผ่านไปราวชั่วกัปชั่วกัลป์ ฉันก็เหลือบมองนาฬิกา สี่ทุ่มเจ็ดนาที
“เอ็ม... ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่านะ ให้เธอได้นอนพัก” ฉันพูดเสียงเบา พลางเริ่มขยับตัว
“ทำไมไม่นอนที่นี่ล่ะ” เธอถามอย่างหยอกล้อ
ฉันกะพริบตาปริบๆ มองเธอ “เอ็มม่า บ้านฉันอยู่ข้างๆ นี่เองนะ”
เธอยิ้มกว้าง “ฉันรู้เจน แต่ฉันว่าแม่เธอไม่ว่าอะไรหรอก”
ฉันหัวเราะแห้งๆ “หา! แม่ฉันน่ะเหรอ จริงดิ” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วคว้าโทรศัพท์ “จะบอกให้นะว่าฉันขอยึดเตียงเธอ”
แล้วฉันก็พุ่งตัวไปยังห้องของเธอ
สิ่งแรกที่ฉันสังเกตเห็นน่ะเหรอ ผ้าปูที่นอนสีดำ เตียงขนาดควีนไซส์ ปลอกหมอนสีขาว แสงไฟสลัวๆ ที่จัดไว้อย่างมีรสนิยม มีรูปใส่กรอบสองสามใบบนผนัง—เป็นรูปเธอกับคนที่ฉันเดาว่าเป็นครอบครัวและเพื่อนๆ แต่ฉันก็ไม่มีเวลาได้พินิจพิจารณามากนัก เพราะเธอมายืนอยู่ข้างหลังฉันแล้ว
“มันใหญ่พอสำหรับเราสองคนนะ” เธอพูดสบายๆ พลางรื้อของในลิ้นชักแล้วยื่นเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นให้ฉัน
ฉันจ้องมองเสื้อผ้าในมือสลับกับมองเธอที่หายเข้าไปในห้องน้ำ
เรากำลังจะนอนเตียงเดียวกัน สมองของฉันประมวลผลไม่ทัน
เรื่องที่กอดกันบนโซฟาฉันยังไม่ทันตั้งตัวเลย นี่มาเจอเรื่องนี้อีกเหรอ นี่เธอกำลังจะฆ่าฉันให้ตายหรือไง
“โอเคหรือเปล่าเจน หน้าซีดๆ นะ” เธอพูดขณะก้าวออกมา
“ฉะ-ฉันไม่เป็นไร เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ฉันจ้องตัวเองในกระจก พยายามหายใจให้เหมือนคนปกติ “ก็แค่เตียงนอน” ฉันกระซิบ “แค่นอนด้วยกัน ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย เธอทำได้อยู่แล้ว”
ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกมาก็พบว่าเธอเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว แถมยังหลับตาอยู่ด้วย เธอหลับแล้วเหรอ ฉันเดินเขย่งเท้ารอบเตียง สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม พยายามทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้—และแล้ว—
แขนของเธอก็เลื้อยมาโอบรอบเอวฉัน
“อืมม ตัวเธอนุ่มจัง เจน” เธอพึมพำ
ร่างกายฉันแข็งทื่อ เธอกำลังฝัน หรือนี่คือเรื่องจริง
ฉันเอียงตัวเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเธอ แม้ในแสงสลัว เธอก็ยังดูสวยงาม สงบนิ่ง และ... อันตราย
ฉันต้องต่อสู้กับความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเอื้อมมือไปไล้ตามโค้งแก้มของเธอ
“เธอจ้องอีกแล้วนะ” จู่ๆ เธอก็พูดขึ้นทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“เธอรู้ได้ยังไงเนี่ย”
“ฉันมีสัมผัสอื่นน่ะ” เธอตอบอย่างเหนือกว่า
“ฉันก็แค่เช็กดูว่าเธอหลับจริงหรือเปล่า” ฉันพูดตะกุกตะกักเมื่อโดนจับได้คาหนังคาเขา
“เหรอ” เธอแกล้งว่า
เรานอนกันเงียบๆ ลมหายใจของเธอสม่ำเสมอ มือของเธอยังคงโอบรอบตัวฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจของตัวเองทุกครั้งที่มันเต้น—และอาจจะของเธอด้วย
แล้วเสียงของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เจน”
“หืม”
“เธอมีแฟนหรือยัง”
ฉันค่อยๆ หันไปหาเธอ ตอนนี้ดวงตาของเธอลืมขึ้นแล้ว และแขนที่โอบฉันอยู่ก็กระชับขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าเธอต้องการคำตอบนั้นเหลือเกิน—แต่ในขณะเดียวกันก็หวาดกลัวมันสุดหัวใจ
สวัสดีค่ะ นักอ่านที่น่ารักและอารมณ์ดีของไรท์ ไรท์ได้เปิดบัญชี โคไฟ แล้วนะคะ ดังนั้นถ้าใครอยากจะเลี้ยงกาแฟ ส่งของขวัญ หรือแค่เป็นกำลังใจให้กัน ก็แวะไปที่เพจของไรท์ได้เลย: โคไฟดอทคอม/ลูนามาร์เซโล :)
ขอบคุณมากๆๆๆ ที่สนับสนุนผลงานของไรท์มาตลอดนะคะ ไรท์อ่านทุกคอมเมนต์เลย แล้วก็ชอบมากที่ทุกคนอินไปกับเรื่องราวขนาดนี้ :)