Read with BonusRead with Bonus

8. หาผู้หญิงมาให้ฉัน

“เราจะไปรถคันนี้เหรอคะ” รินลดาเอ่ยถามออกไปอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะคามีลกำลังเปิดประตูรถสปอร์ตสีทองให้เธอเข้าไปนั่ง ซึ่งเธอไม่คิดว่าชาตินี้คนแบบเธอจะได้มีโอกาสนั่งรถหรูๆแบบนี้

“ครับ ทำไมเหรอครับ คุณไม่ชอบรถคันนี้เหรอ งั้นเดี๋ยวผมจะเปลี่ยนคันใหม่ให้” คามีลเอ่ยถามออกไปก็ทำท่าจะปิดประตูรถ แต่รินลดาก็รีบเอ่ยบอกทันที

“เดี๋ยวค่ะ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือ ฉันแค่เกรงใจน่ะค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกออกไป เพราะเธอก็พึ่งเจอกับเขาวันแรก อยู่ๆก็ยอมไปเที่ยวกับเขาโดยให้เธอนั่งรถหรูแบบนี้ มันก็ยังไงอยู่

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คิดว่าผมเป็นเพื่อนของคุณก็แล้วกันนะครับทับทิม” คามีลเอ่ยบอกออกไป ผู้หญิงคนนี้ต่างจากผู้หญิงคนอื่นจริงๆ เขาชอบก็ตรงนี้แหละ เพราะเธอคงจะไม่รู้ว่าเขาคือใคร เธอถึงเอ่ยออกมาแบบนั้น แต่ก็ดีอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เข้ามาหาเขาเพราะเงิน

“ค่ะ งั้นรบกวนคุณแล้วนะคะคุณคามีล” รินลดาเอ่ยบอกออกไปอย่างเขินๆ เพราะไม่มีใครใส่ใจเธอและเทคแคร์เธอดีแบบเขา เธอชักจะชอบผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ซะแล้ว รินลดาคิดในใจก็เดินเข้าไปนั่งในรถของคามีล จากนั้นเขาก็พาเธอขับรถไปเที่ยวชมดูนครดูไบในยามเย็นจนมาถึงที่ทะเลทรายซาฟารี ซึ่งห่างจากตัวเมืองไม่ไกลเท่าใดหนัก แต่ด้วยความที่คามีลขับรถมาเร็วมากจึงใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

“ฉันพึ่งเคยเห็นทะเลทรายเป็นครั้งแรกแรกเลยนะคะ เมื่อกี้ตอนลงจากเครื่องก็ว่าสวยแล้ว พอได้มาอยู่ใกล้ๆแบบนี้แล้วก็ยิ่งสวยค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกไปก็มองไปยังทะเลทรายอันกว้างขวาง เธอคิดไม่ผิดจริงๆที่ออกมากับคามีล

“ไปถ่ายรูปเก็บไว้สิครับ เดี๋ยวผมจะถ่ายให้” คามีลเอ่ยบอกก็ขับรถเลี้ยวเข้าไปที่ทะเลทราย ก่อนจะขับเข้าไปอีกนิด เพื่อหามุมถ่ายรูปสวยๆให้กับหญิงสาว จนกระทั่งเขามาจอดรถก่อนจะเป็นเนินทะเลทราย

“เอาจริงเหรอคะ” รินลดาเอ่ยถาม ทั้งที่ในใจกลับดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อคามีลใจดีที่จะจอดรถให้เธอได้ถ่ายรูป

“จริงสิครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าผมพาเที่ยว ก็ต้องมีรูปติดไม่ติดมือกลับไปบ้างสิ ไปกันเถอะครับเดี๋ยวแสงจะหมดซะก่อนนี่ก็จะค่ำแล้วด้วย” คามีลเอ่ยบอกก็เปิดประตูลงจากรถไป ส่วนรินลดาก็รีบถือกล้องถ่ายรูปตามลงไปทันที จากนั้นคามีลก็เอากล้องถ่ายรูปของรินลดามาถ่ายให้เธออย่างเต็มใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มใสๆ เขาก็ยิ่งชอบเธอ จะมีผู้หญิงคนไหนที่ยิ้มจริงใจให้เขาแบบนี้ไหมนะ พอถ่ายรูปกันเสร็จคามีลก็ขับรถพารินลดากลับเข้าไปในเมืองดังเดิม

“โชคดีนะคะที่ใส่ชุดนี้มา ไม่งั้นคงไม่ได้รูปสวยๆ” รินลดาเอ่ยบอกขณะดูรูปที่คามีลถ่ายให้เธอ โชคดีที่เธอใส่ชุดเดรสสีแดงขายาวเว้าไหล่มา ไม่งั้นก็คงไม่ได้ภาพแสงสีสวยๆแน่ๆ

“ก็คนในรูปสวยนิครับ” คามีลเอ่ยหยอกกับรินลดาอย่างไม่ปิดบังว่าเขาชอบเธอ

“คุณคามีลนี่ปากหวานจังเลยนะคะ สาวๆคงจะพากันหลงคุณแย่” รินลดาเอ่ยตอบออกไป ก็เปิดช่องสืบว่าเขายังโสดอยู่รึเปล่า เพราะเธอคงจะไม่ไปโดนผู้หญิงของเขาตบเอาหรอกนะ

“มีที่ไหนกันล่ะครับ ผมยังโสดอยู่เลยจะเอาสาวๆที่ไหนมาล่ะครับ” คามีลเอ่ยบอกอย่างขี้เล่น ทั้งที่ความจริงในแต่ละวันเขานอนกับผู้หญิงแทบจะไม่ซ้ำหน้า

“ขอบคุณที่พาทับทิมมาเที่ยวนะคะ งั้นให้ทับทิมเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อจะได้ไหมคะ ถือว่าเป็นการตอบแทน” รินลดาเอ่ยบอกออกไป เพราะต้องการตอบแทนคามีลที่เสียสละเวลาพาเธอมาเที่ยวไกลขนาดนี้

“ไม่ต้องหรอกครับ ให้ผมเลี้ยงคุณจะดีกว่า ถือว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับความเป็นเพื่อนของเรา” คามีลเอ่ยบอกไป เขาเป็นผู้ชายอยู่ๆจะให้ผู้หญิงมาเลี้ยงข้าวคงไม่ใช่ทาง เพราะเขาชินกับการให้เงินและเลี้ยงข้าวสาวๆมากกว่า

“ก็ได้ค่ะ แต่ครั้งหน้าถ้าเราเจอกันล่ะก็คุณต้องให้ทับทิมเลี้ยงคุณบ้างนะคะ” รินลดาเอ่ยบอกไปก็ยิ้มให้อย่างสดใส

“ได้เลยครับคนสวย” คามีลเอ่ยบอกก็ขับรถอย่างอารมณ์ดี เมื่อเขาเข้ากับรินลดาได้ดี สงสัยเขาต้องหาต่อสานสัมพันธ์กับเธอซะแล้ว ไม่งั้นเขาอาจจะพลาดโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอก็ได้

“คุณคามีลก็อย่าแซวทับทิมแบบนี้สิคะ” รินลดาเอ่ยบอกไปอย่างเขินอาย

จากนั้นคามีลก็พารินลดาขับรถเที่ยวแถวชายหาดจูไมราห์บีช ก่อนจะข้ามไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารหนึ่งในตึกสูงระฟ้าของนครดูไบ เพราะเป็นโรงแรมรูปเรือใบซึ่งมีชื่อเสียงมากเลยทีเดียวสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งสองก็พูดคุยทำความรู้จักกันจนกระทั่งทานอาหารเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบจะสี่ทุ่ม คามีลก็พารินลดามาส่งที่โรงแรมของตัวเอง โดยที่เธอยังไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้บริหารของที่นี่

“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ คุณเป็นเพื่อนใหม่ที่น่ารักมากค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกออกไปด้วยรอยยิ้มก็มองเข้าไปในรถคันหรู

“ไว้คุณว่างเมื่อไหร่ เราไปเที่ยวกันอีกนะครับ ”คามีลเอ่ยบอกรินลดาเมื่อเธอลงจากรถ ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

“ค่ะคุณคามีล ขับรถดีๆนะคะ” รินลดาเอ่ยบอกก็ยิ้มให้คามีล จากนั้นเธอก็หันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปในโรงแรมทันที

ด้านคาเรนที่กลับมาจากการทานอาหารร่วมกับปู่ของเขาและลูกพี่ลูกน้องสาวอย่างเคียร่า รวมไปถึงบรรดาญาติของตระกูลซามัสเซลเกือบทั้งหมด ก็มานั่งดื่มไวน์ต่อที่ห้องนอนชั้นบนสุดของตึกเพื่อระบายอารมณ์ เพราะตั้งแต่เขาย่างก้าวเข้าไปในคฤหาสน์นั่น บรรดาพี่น้องของพ่อเขาก็ทำท่าไม่ชอบเขาอย่างออกนอกหน้าเช่นเคย ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกโกธรมากที่สุดก็คือพวกนั้นต่อว่าแม่ของเขาที่ทำให้พ่อของเขาต้องออกจากตระกูลไป แต่ที่น่าเจ็บใจก็คือพวกนั้นดูถูกเขาเหมือนกับว่าเขาไม่ใช่ลูกหลานของคุณปู่ ซึ่งก็เปรียบว่าเขาเป็นลูกชู้

“นายครับ ผมว่าพอก่อนเถอะครับ นายเมามากแล้วนะครับ” บาคัสเอ่ยบอกเจ้านายหนุ่มที่กำลังดื่มไวน์เข้าไปหยั่งกับดื่มน้ำเปล่า

“ไม่ ฉันจะดื่มให้หมด แกคอยดูนะบาคัส ฉันจะทำให้คนพวกนั่นไม่กล้ามาว่าแม่ฉันได้อีก” คาเรนเอ่ยพูดออกไปอย่างจริงจัง

“นายจะทำอะไรครับ” บาคัสเอ่ยถามออกไปอย่างอยากรู้ เพราะตั้งแต่กลับมาจากบ้านของท่านลาฮิมเจ้านายของเขาก็อารมณ์เกี้ยวกราดมาตลอดทางจนถึงกระทั่งตอนนี้

“ฉันจะรับมรดกของปู่ฉัน ฉันจะดูน้ำหน้าของคนพวกนั้นว่าจะทำยังไง เมื่อรู้ว่าฉันก็เป็นทายาทอีกคนของซามัสเซล” คาเรนเอ่ยพูดออกไปอย่างแค้นใจ

“นายแน่ใจเหรอครับ ผมว่าถ้าท่านลาฮิมรู้ว่านายรับมรดกเพราะต้องการแกล้งคนพวกนั้น ท่านคงจะเสียใจมาก” บาคัสเอ่ยเตือนเจ้านายของตัวเอง

“นั่นมันเรื่องของฉัน แล้วไหนล่ะ ผู้หญิงที่คามีลมันจะส่งมาให้ฉัน ไปเรียกมาสิ” คาเรนเอ่ยพูดด้วยความมึนเมา เพราะตอนนี้เขาอยากจะระบายอารมณ์หงุดหงิดให้หายไปสักที แล้วสิ่งที่จะทำให้เขาคลายเครียดได้อย่างดีก็คือเซ็กส์

“อ่อ รอสักครู่ครับนาย คนของเรากำลังรอรับผู้หญิงที่คุณคามีลส่งมาให้อยู่ครับ” บาคัสเอ่ยบอกไปก็มองเจ้านายหนุ่ม เมาแบบนี้ผู้หญิงที่มานอนกับนายของเขาคืนนี้คงอ่วมแน่ นายเขาเคยยั้งมือตอนเมาที่ไหนกัน ผู้หญิงที่มีอะไรกับนายเขาตอนเมาทีไร เขาได้จ่ายหนักจ่ายเต็มทุกครั้งไป

“ถ้าชักช้านัก นายก็ไปหามาให้ฉันก่อนไป” คาเรนเอ่ยบอกออกไป ก็กระดกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว

“แล้วถ้าคนของคุณคามีลมาล่ะครับนาย” บาคัสเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัย เพราะถ้าเขาไปหาผู้หญิงมาให้กับเจ้านายแล้ว แล้วถ้าผู้หญิงที่คามีลส่งมาให้ล่ะจะทำยังไง

“คืนนี้ฉันจะเอาทั้งสองคนนั่นแหละ นายหยุดถามแล้วไปหาผู้หญิงมาได้แล้วบาคัส” คาเรนเอ่ยบอกก็ปัดมือให้บาคัสออกไป ส่วนบาคัสพอเจ้านายเริ่มจะโมโหก็รีบออกไปหาสาวๆมาบำเรอให้กับนายตัวเองอย่างรีบร้อน

Previous ChapterNext Chapter