




บทที่ 5: ฉันอยู่ที่ไหน
มุมมองของเด็กสาว/ซาร่าห์
ฉันเริ่มได้สติ และปวดไปทั้งตัว ขยับขาไม่ได้เลย ดวงตาของฉันบวมเป่งจนลืมไม่ขึ้น สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือชายร่างใหญ่คนหนึ่งกระชากประตูจนหลุดจากบานพับ ฉันอยู่ที่ไหนกันนะ ฉันได้ยินเสียงเครื่องมือแพทย์ดังบี๊บๆ ซึ่งมันดังขึ้นและเร็วขึ้นตามจังหวะการเต้นของหัวใจฉัน ในที่สุดฉันก็ตระหนักได้ว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล แต่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน เสียงเครื่องจักรดังเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ฉันพยายามลืมตาซึ่งก็ทำได้เพียงแค่เผยอขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
แล้วประตูก็ถูกกระแทกเปิดออก ชายในชุดกาวน์สีขาววิ่งเข้ามา ฉันกรีดร้อง จากนั้นก็มีชายอีกคนตามเข้ามา ฉันพอมองออกลางๆ ว่าชายคนที่สองสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น ฉันเริ่มหายใจหอบถี่ ฉันกุมหน้าอกตัวเองและหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉันเหลือบไปเห็นเขาเอื้อมมือไปหยิบเข็มฉีดยา เขาเติมของเหลวใสๆ เข้าไป แล้วฉีดมันเข้ามาในสายน้ำเกลือของฉัน ฉันเห็นเป็นจุดๆ แล้วภาพก็เริ่มเลือนลาง จังหวะหัวใจของฉันเริ่มช้าลง และลมหายใจก็เริ่มสงบลง
“พักผ่อนเถอะนะ เมทตัวน้อยของผม” ฉันได้ยินใครบางคนพูด จากนั้นฉันก็เริ่มฝันร้าย
“ฉันไม่ได้ทำนะ”
เขาไล่สอบสวนทุกคนเรื่องอาหารกลางวันที่หายไป ฉันย้ำคำเดิมอีกครั้ง
“ฉันสัญญาว่าฉันไม่ได้ทำ”
จากนั้นเขาก็ตบหน้าฉันฉาดใหญ่
“ข้าจะสั่งสอนแกเอง นังขโมยตัวจ้อย”
เขาใช้มีดตัดเสื้อของฉันจนขาดแล้วโยนฉันลงบนเตียงของเขา ฉันเริ่มอ้อนวอนขอให้เขาหยุด
“ไม่นะ ได้โปรด หยุดเถอะ”
เขาตบหน้าฉันแล้วตะคอก
“หุบปากนะอีนังแพศยา”
แล้วเขาก็คว้าคอฉันไว้ ฉันพยายามดิ้นรนขัดขืนและใช้เล็บข่วนมือเขาให้ออกจากลำคอ ฉันกรีดร้องแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันเห็นชายคนเดิมที่สวมเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นนั่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาสีเขียวของเขากำลังจ้องมองมาที่ฉัน
“ไม่เป็นไรนะ เมทตัวน้อย ผมอยู่นี่แล้ว”
ฉันกรีดร้องทันทีที่เขาเริ่มขยับเข้ามาใกล้ ซึ่งนั่นทำให้เขาหยุดชะงัก เขาได้แต่มองมาที่ฉัน
“ผมชื่อเรย์นะ เจ้าหญิงของผม”
เจ้าหญิงงั้นเหรอ เขาหมายความว่ายังไงกัน แล้วเขาก็เริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ ฉันพยายามจะขยับตัวหนี แต่ขาของฉันเข้าเฝือกอยู่และแทบจะขยับไม่ได้เลย ฉันเริ่มตื่นตระหนกอีกครั้ง แล้วเขาก็ตะโกนขึ้น
“หมอเบอร์นาร์ด!”
ฉันแทบจะหายใจไม่ทัน แล้วทุกอย่างก็ดับมืดไปอีกครั้ง
ครั้งต่อมาที่ฉันตื่นขึ้น ชายในชุดเสื้อกล้ามก็ยังคงอยู่ที่นั่น เขากำลังหลับอยู่บนเก้าอี้ที่มุมห้องโดยถอดเสื้อออก ผู้ชายคนนี้เป็นใคร แล้วทำไมเขาถึงเรียกฉันว่าเจ้าหญิง ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ฉันพยายามควบคุมลมหายใจให้คงที่และสงบสติอารมณ์ สิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนจะมาตื่นที่นี่คือโรแลนด์กำลังทรมานฉันอยู่ในคุกใต้ดิน และชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้คนนี้ก็พุ่งเข้ามาแล้วกระชากโซ่ตรวนให้หลุดจากข้อมือของฉัน ก่อนที่ฉันจะหมดสติไป ฉันคิดว่าฉันได้ยินคำว่าเมท เขาเป็นเมทของฉันไม่ได้หรอก ถ้าใช่ฉันต้องได้กลิ่นเขาแล้วสิ ฉันได้แต่จ้องมองชายคนนี้ที่เรียกตัวเองว่าเรย์ เขามีผมสีน้ำตาลและมีหนวดเคราขึ้นมาได้สองสามวันแล้ว เขามีรอยสักรูปหุบเขาบนหน้าอก มองดูก็รู้ว่าเขาผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน
เขามีรอยแผลเป็นที่ท้อง ที่กล้ามเนื้ออกข้างซ้าย และอีกหลายแห่งที่น่าจะวนไปถึงด้านหลัง เขามีกล้ามแขนใหญ่โตและมีรอยสักรูปหัวกะโหลกที่มีดาบไขว้เป็นกระดูกอยู่บนแขนขวา เขาคงใช้เวลากลางแจ้งเยอะมากเพราะผิวของเขาเป็นสีแทน เพื่อที่จะได้ไม่ปลุกเขา ฉันพยายามจะขยับตัว แต่อีกนั่นแหละ ฉันแทบจะยกแขนหรือขาไม่ขึ้นเลย มีถุงน้ำเกลือแขวนอยู่และสายของมันก็ต่อเข้ากับแขนของฉัน ฉันสงสัยว่ามีอะไรอยู่ในถุงนั่น เลยพยายามอ่านดู คำเดียวที่พอจะอ่านออกคือโซเดียม ส่วนคำอื่นๆ นั้นพร่ามัวไปหมด สายตาของฉันพร่าเลือนและดวงตาก็บวมเป่งจนแทบจะปิดสนิท ฉันมองเห็นได้เพียงลางๆ เท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่ฉันได้รับ
เมื่อสองสามเดือนก่อน ฉันเคยช่วยงานในโรงพยาบาลอยู่สองสามครั้ง เลยพอจะรู้ว่าเครื่องมือพวกนี้ใช้ทำอะไรและมีไว้เพื่ออะไร ฉันจึงไม่ได้กลัวเครื่องมือพวกนั้น แต่ฉันกลัวผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้คนนี้จนตัวสั่น และทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ ถ้าหากนี่เป็นการลงโทษรูปแบบใหม่ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงมันนับจากนี้ไป ทุกครั้งที่ฉันเริ่มมีอาการตื่นตระหนก หมอก็จะวิ่งเข้ามาแล้วฉีดอะไรบางอย่างเข้าทางสายน้ำเกลือ จากนั้นฉันก็จะหลับไป เป็นการหลับที่ไม่มีฝันร้าย ซึ่งมันดีมาก และฉันก็ไม่ได้ถูกปลุกอย่างทารุณหรือถูกสาดน้ำใส่หัว ฉันพยายามจะยืดตัวแล้วก็เผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ชายคนนั้นก็กระโดดลุกขึ้นยืนทันที
“เป็นอะไรไป”
เขาพุ่งเข้ามาข้างเตียง ฉันกรีดร้องอีกครั้ง เขาจึงหยุดกะทันหันแล้วสะดุดล้มลงมาทับบนตัวฉันพอดี ฉันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หมอวิ่งเข้ามาอีกครั้งและกำลังจะไปหยิบเข็มฉีดยาอันนั้นมาทำให้ฉันสลบไป ฉันกระชากสายน้ำเกลือออกจากแขน เลือดเริ่มไหลอาบแขนของฉัน ฉันรู้สึกเวียนหัวและหน้ามืด แล้วฉันก็ฝันร้ายอีกครั้ง โรแลนด์กำลังทำร้ายและข่มขืนฉันอีกแล้ว
“ได้โปรดหยุดเถอะ มันเจ็บ”
“แกชอบมันจะตายไป”
“อยู่นิ่งๆ สิ มันจะได้ไม่เจ็บ นังตัวดี”
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมากรีดร้อง ชายคนเดิมที่อยู่ตรงนั้นลุกพรวดขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้พุ่งเข้ามาหาฉัน
“ไม่เป็นไรนะ เจ้าหญิง คุณปลอดภัยแล้ว จะไม่มีใครทำร้ายคุณได้อีก”
ฉันได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงนั้น นี่เป็นเกมอะไรกัน แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเอาแต่เรียกฉันว่าเจ้าหญิง เขาเรียกหมอให้เข้ามา แต่คราวนี้หมอไม่ได้เอื้อมไปหยิบเข็มฉีดยาอีกแล้ว แต่เขากลับนั่งลงบนเก้าอี้พับแล้วเริ่มพูดกับฉัน
“สวัสดีครับ เจ้าหญิงซาร่าห์ ผมชื่อหมอเบอร์นาร์ด คุณได้รับการช่วยเหลือออกมาจากเผ่าไวท์ริเวอร์เมื่อสองสามวันก่อนครับ”
แล้วเขาก็หยุดพูดและนั่งอยู่ตรงนั้น ฉันคิดว่าเขากำลังรอคำตอบ ฉันพยายามจะพูด แต่ปากกลับไม่ขยับอย่างใจนึก ฉันเป็นอะไรไป ทำไมฉันถึงพูดไม่ได้ ฉันเริ่มตื่นตระหนกอีกครั้ง ชายในเสื้อกล้ามพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรนะ ที่รัก”
ขณะที่เขาลูบมือของฉันเบาๆ ฉันไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเขาเดินมาที่เตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันเพียงแต่เงยหน้าขึ้นแล้วเริ่มจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา มีบางอย่างที่ทำให้ฉันละสายตาไปไม่ได้ และน่าแปลกที่ฉันกลับรู้สึกสบายใจอย่างมาก ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาช่างนุ่มนวล แผ่วเบา และปลอบประโลมใจ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาในหัวพูดว่า “เมท” การได้อยู่ใกล้เขาขนาดนี้และมีเขาลูบมือให้ ฉันก็เริ่มสงบลงในทันที ตอนนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันแทบจะลืมตาไม่ขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรนะ ที่รัก”
การมีเขาอยู่ใกล้ๆ ช่างปลอบประโลมใจเหลือเกิน ร่างกายของฉันจึงผ่อนคลายลง ฉันผ่อนคลายมากจนรู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้งและผล็อยหลับไป