




บทที่ 4
โรงแรมแมนฮัตตัน
รถโรลส์-รอยซ์ แฟนทอมแล่นเข้ามาจอด พนักงานต้อนรับที่ประตูโรงแรมพากันรีบวิ่งเข้ามาต้อนรับ
"ท่านผู้บัญชาการหลง เราถึงโรงแรมแมนฮัตตันแล้วครับ"
เทียหลางลงจากรถก่อน เขาเบี่ยงพนักงานที่วิ่งเข้ามาต้อนรับออกไป แล้วเปิดประตูรถให้ชูซิ่วด้วยความเคารพ
ภายใต้สายตาเกรงขามของพนักงานโรงแรม ร่างของชูซิ่วค่อยๆ ปรากฏขึ้น
เขามองไปยังโรงแรมตรงหน้า ดวงตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง
ขณะนั้น ที่ห้องจัดเลี้ยงโรสรูม
ห้องเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ ตกแต่งอย่างหรูหราสำหรับงานแต่งงาน
วันนี้เป็นพิธีแต่งงานระหว่างหัวหน้าตระกูลหวัง หวังไค่ กับหัวหน้าตระกูลหลิน หลินจื่อ มีการเชิญบรรดาตระกูลผู้ดีแห่งเมืองหนานเฉิงมาร่วมงาน แม้ส่วนใหญ่จะเป็นตระกูลระดับรองที่อยู่ในชั้นเดียวกับตระกูลหลินและตระกูลหวัง
หลังจากที่หลินจื่อช่วยตระกูลหลินกลืนกิจการของกลุ่มบริษัทซิวเหอเมื่อปีก่อน ประมุขเก่าก็ได้มอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้เธอก่อนสิ้นใจ
"บุรุษเปี่ยมความสามารถ สตรีงามสง่า ช่างเป็นคู่ที่สวรรค์ลิขิตจริงๆ"
"ฉันอิจฉาคุณทั้งสองจังเลย ที่ให้กำเนิดลูกสาวที่ดีเช่นนี้"
"..."
บิดามารดาของหลินจื่อ หลินฉี่และซุนฉิน นั่งอยู่ที่โต๊ะประธาน ล้อมรอบด้วยแขกที่คอยเอ่ยคำยกยอ ซุนฉินก็ดูมีความสุขมาก ปากก็ไม่หยุดชมลูกสาวและหวังไค่ว่าดีเลิศเพียงใด
บนเวที หวังไค่และหลินจื่อต่างก็มีใบหน้าเปี่ยมสุข สนทนากับแขกรอบข้าง
"เธอวางใจได้เลย ใบมรณบัตรฉันให้คนจัดการเรียบร้อยแล้ว แค่ประทับตราก็มีผล พอจัดงานแต่งงานเสร็จ เราก็ไปจดทะเบียนสมรสกันได้เลย"
หวังไค่กระซิบที่ข้างหูของหลินจื่อ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอสดใสยิ่งขึ้น
"อ้อ แล้วน้องสาวของชูซิ่ว ชูหลาน ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" หลินจื่อถามเสียงเบา มุมปากมีรอยเหยียด
"ฉันทำอะไร เธอไม่วางใจหรือไง? อย่างมากอีกเดือนเดียว ผับในเมืองหนานเฉิงก็จะมีสาวขายบริการเพิ่มอีกคน ลูกน้องฉันบอกว่าพี่สะใภ้ของชูซิ่วตอนนี้ทำได้ดีทีเดียว ถึงเวลาฉันจะส่งชูหลานไปอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้ เด็ก ม.ปลาย ยังบริสุทธิ์ คนสนใจต้องไม่น้อยแน่"
หวังไค่พูดพลางหัวเราะ
"ทำได้ดีมาก ให้รางวัลหน่อย" พูดจบหลินจื่อก็เขย่งเท้าจูบแก้มของหวังไค่
พิธีกรเห็นภาพนั้นพอดี รีบพูดขึ้นว่า "เจ้าบ่าวเจ้าสาวใจร้อนอยากเข้าห้องหอแล้วนะครับ"
เสียงหัวเราะและปรบมือดังสนั่นทั่วงาน
แต่ในขณะนั้นเอง ประตูห้องโรสรูมที่ปิดอยู่ก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง หลินเสวียอุ้มซีซีน้อยวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน ตามหลังมาด้วยยามรักษาความปลอดภัยหลายคน ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็หันไปมองที่หลินเสวีย
ความเงียบเข้าปกคลุม มีเพียงเสียงดนตรีแห่งความยินดี
สายตาของหวังไค่และหลินจื่อในขณะนั้น รอยยิ้มแข็งค้าง กลายเป็นความเย็นชาถึงขีดสุด
ใบหน้าของคู่สามีภรรยาหลินฉี่ยิ่งดำทะมึน นางเตือนหลินเสวียแล้วว่าอย่าพาซีซีไปไหนมาไหน โดยเฉพาะอย่ายิ่งพามาร่วมงานแต่งงาน!
เมื่อเห็นเด็กในอ้อมแขนของหลินเสวีย เสียงซุบซิบก็ดังขึ้นทั่วงาน หลายคนพูดว่าหลินจื่อเป็นแม่ม่ายที่แต่งงานแล้วและมีลูกสาว ยังไม่ได้หย่าก็แต่งงานกับทายาทตระกูลหวังเสียแล้ว
เสียงเหล่านี้ดังเข้าหูหลินจื่อ ทำให้เธอเกือบคลุ้มคลั่ง
"ไล่ออกไป!" หลินจื่อมองหลินเสวียและซีซีน้อย พูดเสียงเย็น
ยามเหล่านั้นพากันรุมเข้าหาหลินเสวีย มือถือกระบองไฟฟ้า กำลังจะลากเธอออกจากห้อง หลินเสวียไม่คิดว่าพี่สาวตัวเองจะใจร้ายถึงเพียงนี้ เมื่อเห็นยามหน้าตาดุร้ายรุมเข้ามา ซีซีน้อยก็ตกใจร้องไห้โยเสียงดัง
แต่ในขณะนั้นเอง
เสียงหนึ่งดังมาจากนอกห้อง เย็นยะเยือกดุจน้ำค้างแข็ง
"ใครกล้า!"
สายตาทุกคู่ถูกดึงดูดด้วยเสียงนั้น หันไปมองที่ประตู
แม้แต่หลินจื่อและหวังไค่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เสียงนั้นฟังดูเหมือนผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงมานาน
เสียงฝีเท้าค่อยๆ เข้ามาใกล้
ร่างสองร่างในชุดสูทเรียบหรู ก้าวเข้าสู่ห้องจัดเลี้ยง
หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าไปข้างกายหลินเสวียดุจสายลม ยามแปดคนถูกเทียหลางจัดการด้วยมือเดียวในพริบตา ลีลาการเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำ ทุกคนล้มลงนอนร้องครวญด้วยความเจ็บปวด
หลังจากจัดการยามเหล่านั้นแล้ว เทียหลางก็กดหูฟังบลูทูธที่หู คิ้วขมวดเข้าหากัน แล้วกลับไปยืนข้างชูซิ่ว
"ท่านผู้บัญชาการ ใบมรณบัตรได้แก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ" เขากระซิบเบาๆ
"อืม เจ้าถอยไปก่อน มีอะไรข้าจะเรียก"
"ครับ"
เทียหลางกวาดตามองหลินจื่อและหวังไค่บนเวที จดจำใบหน้าทั้งสองไว้ในความทรงจำ ก่อนจะหันหลังจากไป
เมื่อเห็นว่าเป็นชูซิ่ว ความหนักใจในดวงตาของหวังไค่ก็หายไป เหลือเพียงความเหยียดหยาม ส่วนในดวงตาของหลินจื่อเต็มไปด้วยความดูถูกและความแค้น
"ชูซิ่ว! ทำไมแกยังไม่ตาย!" หลินจื่อพูดอย่างดุร้าย เรียกชื่อชูซิ่ว
ทันใดนั้น ทั่วทั้งงานก็เดือดอีกครั้ง วันนี้เป็นงานแต่งงานของหวังไค่และหลินจื่อ แต่ความจริงทั้งเมืองหนานเฉิงต่างรู้ว่าหลินจื่อยังไม่ได้หย่า เพียงแต่สามีชูซิ่วหายตัวไปเจ็ดปี ตอนนี้เท่ากับว่าเจ้าของตัวจริงมาถึงแล้ว
หมวกเขียวใบนี้ เขียวพอดู
ชูซิ่วเดินไปยืนข้างหน้าหลินเสวีย สายตาเย็นชา
ข้างกายเขา หลินเสวียค่อยๆ ดึงชายเสื้อของเขาไว้ ชูซิ่วเอียงหน้ามองหลินเสวีย เธอกัดริมฝีปากล่าง ส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาเต็มไปด้วยการวิงวอน
เธอขอร้องให้ชูซิ่วอย่าใจร้อนลงมือ เธอกังวลว่าชูซิ่วจะได้รับบาดเจ็บ...
ตอนนี้ตระกูลชูล่มสลายแล้ว ชูซิ่วจะมีทุนรอนอะไรไปต่อกรกับหลินจื่อและหวังไค่?!
หัวใจของชูซิ่วในขณะนั้น แทบจะละลาย
ผู้หญิงคนนี้ช่างใจดีและอ่อนโยนเหลือเกิน หญิงที่รักเขาเช่นนี้ แต่เขากลับปล่อยให้เธอใช้ชีวิตเจ็ดปีเต็มอย่างทุกข์ทรมาน ตัวเขาเป็นอะไร เทพมังกรบ้าอะไรกัน!
แววตาฆ่าในดวงตาถูกกดลงอย่างฝืนใจ
ชูซิ่วไม่ลงมือ เขาไม่อยากให้หลินเสวียเป็นทุกข์เพื่อเขา ไม่อยากให้หลินเสวียขายหน้าต่อหน้าครอบครัว และไม่อยากใช้ความรุนแรงต่อหน้าลูกสาวของเขาเอง
"ไปเที่ยวข้างนอกจนอยู่ไม่ได้แล้ว เลยคิดจะกลับมาอาศัยกินฟรีอยู่ฟรี หน้าไหนของแกกัน?!" หลินจื่อเต็มไปด้วยความรังเกียจ "น่าขยะแขยงที่สุด"
"เฮ้อ เขยสะใภ้นี่เอง"
"ฮ่าๆๆ ไม่คิดว่าจะได้เห็นเขยสะใภ้ในยุคนี้ น่าสนใจจริงๆ"
"..."
แขกต่างชี้นิ้วและซุบซิบนินทาชูซิ่ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ พวกเขาคิดว่านี่สนุกกว่าการมาร่วมงานแต่งงานเสียอีก
ขณะนี้ใบหน้าของหลินจื่อดำคล้ำ
สีหน้าเขียวคล้ำ ท้องเต็มไปด้วยความโกรธ
"หลินเสวีย! พาไอ้ผู้ชายป่านี่ ออกไปให้พ้น!" หลินจื่อชี้นิ้วไปที่หลินเสวีย ตะโกนเสียงดัง
"ฉันเป็นสามีตามกฎหมายของเธอ ทำไมต้องออกไปด้วย" ชูซิ่วไม่สนใจหลินจื่อ แต่จูงมือหลินเสวียไปนั่งที่โต๊ะอาหารด้านข้าง แล้วเริ่มกินอย่างสงบ
ท่าทางแบบนี้ในสายตาคนอื่น คือการไม่รู้จักอาย เกาะกินเกาะอยู่
"ช่างไม่รู้จักอายเอาเสียเลย..."
"จิ๊ๆๆ ไม่คิดว่าตระกูลชูที่เคยรุ่งเรือง จะมีคนไร้ค่าแบบนี้"
"ฮ่าๆ ครั้งแรกที่เห็นเขยสะใภ้ที่เกาะกินเกาะอยู่ถึงขนาดนี้"
"..."
หลินจื่อกำลังจะพูดต่อ แต่หวังไค่ดึงเธอไว้ ยิ้มอย่างมั่นใจ บอกให้เขาจัดการเอง