




บทที่ 3
ออกจากสตูดิโอ ถังซานก็ขับรถไปสนามบิน สายลมนอกหน้าต่างกระชากความรักความเกลียดของเธออย่างรุนแรง แต่เธอกลับไม่ไหวติง เพียงแค่เม้มริมฝีปากแน่น "งานแต่งงานของฉันต้องจัดที่ลาสเวกัสให้ได้!" เธอจำได้ว่าเขาเคยพาเธอไปตะโกนเช่นนั้นบนยอดเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้โดยไม่สนสายตาใคร นั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ชวนกันไปปีนเขา ตอนนั้นเธอยังไม่เข้าใจอะไรและรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่เมื่อคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนตอนนี้ กลับเหลือเพียงความเสียดสีในใจ
ใครกันนะที่บอกเธอว่า หากจะทดสอบผู้ชายสักคน ให้ชวนเขาไปปีนเขาด้วยกัน บางทีเธออาจฟังผิด หรือไม่ก็คนนั้นไม่เคยพูดเลย ท้ายที่สุดคนที่ต้องเป็นของคนอื่น ต่อให้เคยปีนเขากับเธอมากี่ลูกก็ไร้ประโยชน์ ลาสเวกัส สถานที่ที่ชายผู้นั้นบอกว่าต้องจัดงานแต่งงานที่นั่นให้ได้ ที่แท้ เขาแค่ต้องการไม่ให้ผิดคำพูดตัวเอง ส่วนคนข้างกายเป็นใครนั้น ไม่สำคัญอะไรเลย ถังซานยิ้มเยาะให้ตัวเอง
เนื่องจากต้องถ่ายหนัง ฉินเค่อเลยไม่สามารถไปร่วมงานแต่งงานได้ ถังซานจึงต้องไปคนเดียว ก่อนขึ้นเครื่อง เธอยังได้รับข้อความจากฉินเค่อ ถังซานอดขำไม่ได้ ดูเหมือนสภาพของเธอช่วงนี้จะน่าเป็นห่วงจริงๆ ถึงขนาดฉินเค่อที่ปกติไม่ค่อยละเอียดอ่อนยังกลายเป็นคนช่างสังเกตขึ้นมา
ทะลุผ่านเมฆหมอก เครื่องบินลงจอดในที่สุด ถังซานลากกระเป๋าเดินทางออกไปนอกสนามบิน ความจริงเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงปฏิเสธรถที่เขาจัดมารับ บางทีอาจเพราะไม่อยากมีเรื่องพัวพันกับเขาอีก การพบกันครั้งสุดท้ายของพวกเขาควรเก็บไว้ในงานแต่งงาน แต่ตอนนี้ถังซานถึงได้รู้ตัว ชายคนนี้ไม่มีทางไม่เกี่ยวข้องกับเธอได้ เพราะหลังงานแต่งงาน เขาก็จะกลายเป็นน้องเขยของเธอ น้องเขยงั้นหรือ?
สายลมลาสเวกัสลูบไล้ผมยาวเป็นลอนของถังซานเบาๆ เธอเป็นนักออกแบบภายใน คนวาดรูปมักมีวิธีแสดงออกมากกว่าคนอื่น พวกเขาเซ็กซี่ด้วยความโรแมนติกสุดขั้ว และโดดเด่นด้วยความอิสระในตัวตน แต่ถังซานก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นทั้งหมด ความจริงแล้วเธอเรียนการเงิน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เหตุผลกับอารมณ์จะมาเผชิญหน้ากัน ไม่มีฝ่ายใดยอมลดราวาศอก
หลังจากวางกระเป๋าทั้งหมดไว้ที่โรงแรม ถังซานก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรไปไหน เมืองที่แปลกหน้านี้ พอถึงยามค่ำคืนก็จะกลายเป็นเมืองที่เย้ายวนชวนหลงใหล ดื้อดึงเหลือเกิน ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้น และปลุกความเหงาเป็นฝูง พูดตามตรง เธอกลัว จึงวางแผนจะทานอาหารในโรงแรมเท่านั้น
โทรศัพท์บนโต๊ะสั่นอยู่ครู่หนึ่ง ถังซานหยิบขึ้นมา เป็นข้อความจากถังอิ๋ง บอกว่ามีบางอย่างอยากจะพูด แต่ไม่สะดวกขึ้นมา กลัวจะเจอแขกคนอื่น จึงนัดเจอที่บาร์ของโรงแรม ปิดโทรศัพท์ ถังซานกัดริมฝีปาก เธอมีเรื่องอยากพูด แต่ไม่สะดวกขึ้นมา แล้วทำไมเธอไม่ถามบ้างว่าตัวเธอมีความคิดอยากฟังอะไรหรือเปล่า วางโทรศัพท์ลง ถังซานไม่ได้ตอบกลับ พวกเธอไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว
หยิบเสื้อผ้า ถังซานเข้าห้องน้ำ เธออยากทำตัวไม่สนใจอะไรสักครั้ง ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา อาบน้ำเสร็จออกมา โทรศัพท์สั่นอีกครู่หนึ่ง "พี่คะ หนูขอเจอพี่ได้ไหม ถ้าพี่ไม่ลงมา หนูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น" ถังซานมองตัวเองในกระจก ยิ้มเยาะ "นี่คืออะไร? ขู่? ขู่ใคร? ฉันเหรอ? ถังอิ๋ง เธอทำไมมั่นใจนักว่าจะขู่ฉันได้? เธอจะไปหรือไม่ไป มันเกี่ยวอะไรกับฉัน!"
ถังซานกำขอบโต๊ะแน่น "ในโลกนี้ คนที่ไม่มีสิทธิ์ขู่ฉันที่สุดก็คือเธอนั่นแหละ!"
"คุณชายซู อยู่โรงแรมน่าเบื่อ ออกไปเล่นสักตาสองตาไหม!" ซูเย่กำลังเล่นจี้หยกในมือ ได้ยินเสียงก็มองไปที่ลู่ถิง หยุดชั่วครู่แล้วมองไปที่คนหลายคนด้านหลังลู่ถิง ลุกขึ้นยืน "ช่างเถอะ ถ้าเบื่อก็ไปนั่งที่บาร์ในโรงแรมกันเถอะ พาคนออกไปเยอะแยะแบบนี้ไม่ค่อยดี! เดี๋ยวก็ไปเข้าหูใครเข้า ตอนนั้นคงคิดว่าตระกูลซูของเราหมายปองอาณาเขตของพวกเขา ต้นไม้ใหญ่ย่อมต้านลมแรง!"