




บทที่ 1
ผมชื่อหลิวอี้
ผมชื่อหลิวอี้ เติบโตในชนบทตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของผมยากจนมาตลอด
เด็กคนอื่นมีเสื้อผ้าใหม่ใส่ตอนเด็ก ผมไม่มี เด็กคนอื่นมีของเล่นใหม่ ผมไม่มี สิ่งที่จำได้ตั้งแต่เล็กจนโต มีแค่งานในไร่ที่ไม่มีวันทำเสร็จ กับการเรียน
ตอนมัธยม เพื่อนในโรงเรียนเริ่มมีแฟน ผมยังคงมุ่งเรียน วันที่จบมัธยมปลาย เพื่อนๆ พากันจัดงานเลี้ยงฉลอง สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือกำจดหมายตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยแน่นๆ แล้วยิ้มส่งให้พ่อที่กำลังทำงานในไร่
คืนก่อนออกเดินทางไปเรียนมหาวิทยาลัย พ่อนั่งยองๆ อยู่หน้าประตู สูบบุหรี่ทีละอึกๆ ท่านไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนเช้า ตอนที่ผมเดินมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน พ่อยัดเงินปึกหนึ่งที่ยับยู่ยี่ใส่มือผม แล้วยิ้มบอกว่า "ลูก ไปอยู่เมืองใหญ่ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าประหยัดจนไม่กล้ากิน ถ้าเงินหมดให้บอกพ่อ..."
วันนั้นผมเดินทางไปมหาวิทยาลัยพร้อมน้ำตา ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยสดใหม่มาก มีสาวสวยเยอะเป็นพิเศษ ทิวทัศน์ในเมืองใหญ่ก็งดงามเป็นพิเศษ แต่ความเจริญหรูหราทั้งหมดนี้ดูเหมือนไม่เกี่ยวอะไรกับผม ผมยังคงจมอยู่กับนิสัยเดิมๆ นอกจากเข้าเรียนก็ไปห้องสมุด ผมแค่คิดอย่างเดียวว่า ต้องเอาทุนการศึกษาให้ได้ จะได้ไม่ทำให้ที่บ้านลำบาก
ผมคิดว่าชีวิตมหาวิทยาลัยของผมคงจะผ่านไปอย่างจืดชืด แต่สิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือ ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อหลินซีเอ้อร์ได้ปรากฏตัวขึ้นในชีวิตของผมอย่างกะทันหัน
หลินซีเอ้อร์เป็นดอกไม้ประจำห้องเรียนของพวกเรา ผิวขาวผุดผ่อง ผมยาวดำขลับ มีขาเรียวยาวเกินเมตร ชอบใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว เสื้อกล้ามสีขาว หลินซีเอ้อร์เปรียบเสมือนตัวแทนของความเป็นวัยรุ่น ในห้องเรียน หรือแม้แต่ทั้งโรงเรียน ใครต่อใครก็หลงใหลในตัวเธอ
จริงๆ แล้วผมก็ชอบหลินซีเอ้อร์มาก แต่ไม่เคยกล้าแสดงออก เพราะเสื้อผ้าแค่ชิ้นเดียวของเธอ ก็มีราคาเกินทรัพย์สินทั้งหมดที่ผมมี บางครั้งที่ห้องสมุดหรือตอนทำกิจกรรมของห้อง หลินซีเอ้อร์จะพูดกับผมสักสองสามประโยค แต่แค่ประโยคง่ายๆ ไม่กี่คำนั้น ก็ทำให้หัวใจผมเต้นรัวไม่หยุด
สังคมมันเป็นเรื่องจริง ผมชอบหลินซีเอ้อร์มาก หน้าตาส่วนสูงของผมก็ไม่เลว แต่ผมที่ไม่มีเงิน ไม่มีพื้นเพ แม้แต่ความกล้าที่จะชวนเธอไปดูหนังสักเรื่องยังไม่มี...
แต่บ่ายวันนั้น ผมกลับได้รับข้อความจากหลินซีเอ้อร์อย่างกะทันหัน:
"ฉันหลินซีเอ้อร์นะ คืนนี้อยากไปร้องเพลง เพื่อนสาวใจร้ายไปหาแฟนซะแล้ว หลิวอี้ไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหม?"
ผมถูตาหลายที นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ? ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?
หลังจากที่หยิกตัวเองแรงๆ ทีหนึ่ง ผมถึงได้กรีดร้องด้วยความดีใจ วิ่งกลับไปที่หอ หยิบเสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุดและแพงที่สุดของผมออกมาใส่ แล้ววิ่งออกไปท่ามกลางสายตาประหลาดใจของเพื่อนร่วมห้อง จากนั้นก็กัดฟันซื้อดอกกุหลาบเก้าดอกจากร้านดอกไม้ แล้วรอจนถึงเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง ก่อนรีบไปที่เย่เหวิ่น!
เย่เหวิ่นเป็นไนท์คลับชั้นนำของเมืองนี้ สถานที่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงแบบนี้ผมไม่เคยไปมาก่อนเลยในชีวิต มองจากข้างนอกก็เห็นแสงนีออนระยิบระยับ ภายในเย่เหวิ่นที่เต็มไปด้วยสีสัน มีหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งกำลังปล่อยฮอร์โมนกันอย่างเต็มที่ ผมรู้สึกประหม่าในใจ แต่เมื่อเข้าใกล้ประตู ก็ทำเป็นไม่สนใจอะไร มือถือดอกกุหลาบเก้าดอก ทำให้คนเดินผ่านไปมาหันมามองกันเป็นแถว
"คุณผู้ชาย กี่ท่านครับ? ขึ้นชั้นไหนครับ?"
พนักงานต้อนรับถามอย่างสุภาพทันที
แม้ผมจะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ผมมีจิตใจที่เข้มแข็งมาตั้งแต่เด็ก จึงตอบอย่างสงบว่า: "212!"
ชั้นหนึ่งเป็นพื้นที่ต้อนรับ มีพนักงานหนุ่มสาวเดินไปมา ผมแอบสังเกตที่นี่อย่างไม่ให้ใครรู้ตัว ในพื้นที่ต้อนรับมีประตูบานหนึ่ง ประตูนั้นเปิดปิดตามการเข้าออกของหนุ่มสาวมากมาย เห็นด้านในมีควันลอยฟุ้ง แสงไฟสลัว เสียงเพลงร็อกทำให้หัวใจของคนสั่นไหว
สาวสวยหลายคนที่เดินออกมาจากข้างใน ใบหน้ามีร่องรอยของความมึนเมา แต่งตัวโป๊ ต่างมองผมด้วยสายตายั่วยวน ทำให้หัวใจของผมที่ไม่เคยมีประสบการณ์เต้นแรง
"คุณผู้ชาย ทางนี้ครับ"
โชคดีที่มีพนักงานชั้นหนึ่งเดินมาหา พาผมไปที่ลิฟต์ ส่งผมขึ้นไป และพูดผ่านวิทยุสื่อสารว่า: "212 คุณผู้ชายหนึ่งท่าน รออยู่!"
ชั้นหนึ่งของเย่เหวิ่นเป็นบาร์เปิด คึกคักและอึกทึก มีกลุ่มคนแต่งตัวสวยงามกำลังส่ายร่างกาย ชั้นสองเป็นห้องส่วนตัว มีระบบกันเสียงดีมาก ทางเดินเงียบสงบ บางครั้งเมื่อมีคนเปิดประตูห้อง ถึงจะได้ยินเสียงต่างๆ จากในห้อง
ผมถูกพนักงานพามาที่หน้าห้อง 212 ด้วยความประหม่า สูดหายใจลึกๆ แล้วผลักประตูเข้าไป
ภายในห้องมีโซฟาหรู โต๊ะเก้าอี้ จอ LCD ขนาดใหญ่ เครื่องเลือกเพลง แสงไฟสลัว การตกแต่งที่ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วน ทำให้ผมซึ่งเป็นเด็กบ้านนอกอดมองไปรอบๆ หลายครั้งไม่ได้
แต่ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนโซฟากลับไม่ใช่หลินซีเอ้อร์ แต่เป็นลู่เหยียน เพื่อนสนิทของเธอ
ผมถามว่า: "ทำไมเป็นคุณล่ะ ไม่ใช่..."
ลู่เหยียนเห็นผมมาแล้ว ตาเป็นประกาย ลุกขึ้นยืน แม้เธอจะไม่สวยเทพเท่าหลินซีเอ้อร์ แต่ก็เป็นสาวสวยระดับต้นๆ ลู่เหยียนรูปร่างดีมาก สูงตั้ง 170 ซม. ปกติในมหาวิทยาลัยก็แต่งตัวค่อนข้างเปิดเผย ชอบใส่ชุดกระโปรงสั้น อวดขาขาวยาวไปมา ทำให้คนอื่นใจเต้นไม่เป็นสำ่าสำ
เธอเดินเข้ามาทันที คล้องแขนผม ไม่สนใจเลยว่าหน้าอกอวบอิ่มของเธอกำลังเสียดสีกับแขนของผม ผมถึงกับงงไปเลย