




บทที่ 2
วรรณกรรมจีน
เขากลับมาถึงบ้าน มอบเงินทองแดงให้ภรรยาไว้ซื้อข้าวสาร ส่วนตัวเองก็กลับเข้าห้องหนังสือแล้วถอนหายใจอย่างหนักอกที่บรรพบุรุษตระกูลเฉียวทิ้งม้วนภาพไร้ค่าแม้แต่อีแปะเดียวเอาไว้ให้บูชาอย่างสูงส่ง
ก็ไม่แปลกที่ลูกมือโรงรับจำนำไม่รับภาพนี้ แม้แต่เฉียวฟางผู้ไม่รู้เรื่องจิตรกรรมยังเห็นว่าภาพนี้วาดอย่างเร่งรีบดูหยาบกระด้าง อีกทั้งไม่ได้วาดเป็นทิวทัศน์ภูเขาสายน้ำอันมีชีวิตชีวาหรือนางงามในศาลา แต่กลับเป็นสัตว์ร้ายที่มีหัวเสือ ผมสีแดงเพลิง และมีเขาบนศีรษะ สัตว์ร้ายนั้นถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กทั้งสี่ขา รอบกายมีหมอกดำพันวน หนามระเกะระกะ ดูแล้วชวนให้รู้สึกรังเกียจ
เฉียวฟางโยนม้วนภาพไปข้างๆ อย่างไม่ใส่ใจ แล้วหันกลับไปท่องคำสอนของปราชญ์ต่อ เขาอ่านหนังสือจนดึกดื่นเช่นเคย ค่อยๆ ลืมม้วนภาพเก่าๆ นั่นไป แต่ไม่คาดคิดว่าในยามค่ำคืนเขากลับฝันประหลาด
ในความฝัน มีชายผมดำหน้าตาดุร้ายจ้องเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างด้วยความโกรธ แล้วถามเสียงกร้าว "ลูกหลานอกตัญญู กล้าฝ่าฝืนคำสั่งบรรพบุรุษ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าได้ก่อความผิดมหันต์เพียงใด!"
เฉียวฟางงุนงงสงสัย "ข้าทำผิดอะไรกัน? แล้วท่านเป็นใคร?"
ชายผู้นั้นพ่นหมอกดำออกจากปากปกคลุมไปทั่ว เมื่อหมอกดำค่อยๆ จางลงบ้าง เฉียวฟางเห็นชายผมแดงคนหนึ่งที่มีใบหน้างดงามราวกับภาพวาด ชายผู้นี้ถูกโซ่เหล็กพันรัดทั้งมือและเท้าอย่างแน่นหนา แต่ที่ข้อมือขวามีรอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏบนโซ่
"เคลื่อนย้ายม้วนภาพโดยพลการ ตราผนึกหลวม นี่คือสัตว์ร้ายโบราณ 'เสี่ยเสี้ย' มันบ้าคลั่งชอบฆ่า กินคนมานับไม่ถ้วน เราได้ทำสัญญากับบรรพบุรุษของเจ้า ใช้ม้วนภาพกักขังมันมากว่าสามพันปี ตั้งใจจะขัดเกลามัน แต่ไม่คิดว่าจะล้มเหลวในช่วงสุดท้ายเพราะความผิดของเจ้า!"
เฉียวฟางได้ฟังคำตำหนิของชายผมดำ ทั้งตกใจและสงสัย ตกใจว่าถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง เขาก็ได้ก่อเรื่องใหญ่ที่อาจถึงตาย ส่วนที่สงสัยคือ ชายผมแดงผู้นั้นไม่เพียงแต่หน้าตาหล่อเหลาแต่ยังมีสีหน้าสงบนิ่ง ตรงไหนที่ดูเหมือนสัตว์ร้ายกินคน? กลับเป็นชายผมดำนี่แหละที่ดูเหมือนเทพแห่งความอาฆาตมาดร้าย
"รีบไปหากล่องไม้นั่นกลับมา! รีบไปหากล่องไม้นั่นกลับมา!" ชายผมดำเห็นลูกหลานอกตัญญูก้มหน้าไม่พูดจา จึงตะโกนพลางตบมือทั้งสองเข้าหากัน
เฉียวฟางรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงภูเขาถล่มแผ่นดินแยกอยู่ข้างหู อวัยวะภายในทั้งหมดพลิกคว่ำ เขาปิดหูทั้งสองข้างแล้วอ้อนวอน "ข้า...ข้ายากจนข้นแค้น ไถ่คืนไม่ได้...ไถ่คืนกล่องไม้นั่นไม่ได้ ท่าน...ท่านให้เวลาข้าสักหน่อย รอให้ข้าสอบได้เป็นซิ่วไฉ มี...มีรายได้ประจำปี ข้าจะต้องไถ่กล่องไม้นั่นคืนมาให้ได้..."
"ชะตาชีวิตของเจ้าไม่มีวาสนากับการสอบขุนนาง ต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน" ชายผมแดงส่ายหน้าพูดขึ้นทันใด ดูเหมือนทั้งดูแคลนและถอนหายใจ
เฉียวฟางเริ่มเรียนตั้งแต่อายุหกขวบ อุตส่าห์เรียนมากว่ายี่สิบปี จะทนฟังคำพูดเช่นนี้ได้อย่างไร จึงอับอายโกรธเคืองพูดว่า "งั้นก็ไถ่คืนไม่ได้แล้ว! ไถ่คืนไม่ได้แล้ว! ถ้าข้าสอบไม่ติด ทั้งครอบครัวก็จะอดตาย! ตายกันหมดแล้ว มันจะกินใครก็ให้มันไปกินเถอะ!"
ชายผมดำได้ฟังแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปหลายครั้ง ดุร้ายยิ่งนัก แต่ก็เพราะเวทมนตร์ของบรรพบุรุษตระกูลเฉียวทำให้เขาทำอะไรเฉียวฟางไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงตบมือทั้งสองเข้าหากันอีกครั้ง หมอกดำรอบข้างหมุนวนและรวมตัวเป็นแส้ยาวในมือเขา
แส้ยาวกวัดแกว่งเหมือนหางงูปัดหมอกดำออกไป ส่งเสียงหวีดหวิวน่าสยดสยอง เฉียวฟางกอดศีรษะขดตัว แต่ไม่คิดว่าปลายแส้นั้นไม่ได้มาหาเขา กลับฟาดลงบนร่างของชายผมแดง
เสียงแส้ฟาดเนื้อหนังและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องทั่วความฝัน เฉียวฟางเห็นอกเปลือยของชายผมแดงเปิดออกเป็นรอยแผลลึกจนเห็นกระดูก เลือดสีแดงฉานค่อยๆ ซึมออกมาจากบาดแผลและมุมปาก หมุนวนเข้ากับหมอกดำ ก่อนจะกระจายออกเหมือนเศษกระดาษที่ถูกเผาจนหมด