




การแก้ปัญหา 3__A
เอรินพุ่งเข้าใส่เบรเดนหมายจะเอาเรื่องที่เขาทำกับแม่ของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะถึงตัวเขา เสียงดังโครมสนั่นก็ดังไปทั่วคฤหาสน์ ทำให้เธอสะดุ้งถอยหลังด้วยความตกใจ
“อะไรกันเนี่ย?!” แม่ของเธออุทานด้วยความตื่นตระหนก
เอรินยกมือขึ้นกุมอก จ้องมองแม่ตาแป๋ว “แม่คะ เมื่อกี้เสียงอะไรคะ?”
อลิเซียส่ายหัวให้กับสีหน้างุนงงของเด็กๆ “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะลูกรัก” เธอค่อยๆ เดินออกจากห้องครัว ผ่านห้องโถงทานอาหารไปยังโถงทางเข้า
“แกมันโง่!” เสียงคำรามของท่านประธานดังลั่นจนผนังสั่นสะเทือน “ฉันทำอะไรให้แกไม่พออีก ไมเคิล?! ฉันทำอะไรให้แกไม่พออีก?!”
เอรินตกใจกลัวเสียงตะคอกเกรี้ยวกราดจึงหลบอยู่หลังแม่ แอบมองออกมาขณะที่พวกเธอค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ทางเข้าบ้านอย่างเงียบๆ
ภาพที่เห็นทำให้เอรินกะพริบตาปริบๆ ด้วยความประหลาดใจ ไมเคิล สโตน พ่อของเบรเดนนั่งพิงประตูหน้าบ้าน เลือดกำเดาไหลซึมจากจมูก รอบตัวเขามีเศษแจกันโบราณที่ท่านประธานขว้างลงพื้นด้วยความโกรธแตกกระจายเกลื่อน
เบรเดนยืนมองพวกเขาตาโต ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ท่านประธานยืนค้ำหัวลูกชาย ดวงตาสีเทาของเขาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ “เมื่อไหร่แกจะโตสักที ไมเคิล? เมื่อไหร่?! แกคิดว่าฉันจะอยู่ค้ำฟ้าหรือไง?! เมื่อไหร่แกจะมีความรับผิดชอบสักที?! ปาร์ตี้ ดื่มเหล้า เล่นยา! แกทำเป็นแค่นี้หรือไง?!”
เสียงตะคอกดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เอรินยิ่งกลัว แม่ของเธอวางมือบนไหล่ “ไปกันเถอะจ้ะ เอรินลูกรัก” เธอกระซิบ “เราต้องไปแล้ว ท่านประธานกับคุณสโตนกำลังคุยเรื่องของผู้ใหญ่อยู่”
“คุณมัวร์คะ?”
แม่ของเอรินหันไปเผชิญหน้ากับคนที่เรียกเธอ ที่ตีนบันไดมีหญิงสาวผมบลอนด์ท่าทางงัวเงียและหงุดหงิดยืนอยู่
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“อ้าว สเตฟานี่!” แม่ของเอรินเอ่ย “พวกเขาปลุกเธอตื่นสินะ?”
สเตฟานี่ สโตน กระชับเข็มขัดเสื้อคลุมขณะเดินเข้ามาแอบมองในโถงทางเข้าเพื่อประเมินสถานการณ์ “พ่อกับไมเคิลทะเลาะกันอีกแล้วเหรอคะ?”
อลิเซียทำหน้าแหย “ท่านประธานโกรธจัดเลยล่ะ ไมเคิลกลับบ้านดึกอีกแล้ว แล้วฉันว่าเขาเมาด้วยนะ”
สเตฟานี่กลอกตาสีเขียวขึ้นมองเพดาน “ไอ้พี่ชายตัวดีเอ๊ย ไร้ความรับผิดชอบชะมัด” เธอถอนหายใจหนักๆ “ไปคุยกันในครัวดีกว่าค่ะ คุณมัวร์ เดี๋ยวฉันชงชาให้ดื่ม เพราะดูท่าแล้วคงไม่มีใครได้นอนเร็วๆ นี้แน่”
อลิเซียพยักหน้า “มานี่สิลูก เอริน”
เอรินยืนตะลึงกับภาพเหตุการณ์ในโถงทางเข้า โดยไม่รู้ตัวว่าแม่ของเธอเดินไปที่ห้องครัวแล้ว
“เลิกยุ่งกับผมสักทีเถอะ พ่อ” ไมเคิล สโตน พึมพำด้วยน้ำเสียงทุ้มห้าวขณะเช็ดจมูก
“ก็ต่อเมื่อแกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนั่นแหละ! แกอายุสามสิบห้าแล้วนะโว้ย!” ท่านประธานตวาด เขามองลงไปยังลูกชายด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันทั้งสงสาร โกรธ เสียใจ และเศร้าใจ “ด้วยมือของฉันคนเดียว” ท่านประธานกล่าว “ด้วยมือของฉันคนเดียว ฉันสร้างอาณาจักรของฉันขึ้นมาจนเป็นอย่างทุกวันนี้ แต่การมีลูกโง่ๆ อย่างแก ทำให้ฉันไม่มีใครจะยกมรดกให้! ไม่มีใครที่ฉันไว้ใจได้ว่าจะมีปัญญาพอ ฉลาดพอ และมีความรับผิดชอบพอที่จะนำพาอาณาจักรสโตนไปสู่จุดที่สูงส่งยิ่งกว่าเดิม!”
ไมเคิลเอนศีรษะพิงประตูหน้า หัวหมุนติ้วด้วยฤทธิ์คอนยัคที่แล่นพล่านอยู่ในเส้นเลือด “สเตฟานี่—”
“น้องสาวแกไม่สนใจธุรกิจของครอบครัว แกก็รู้ดี!” ท่านประธานตะโกน เขาถอยหลัง เอามือกุมหน้าอกขณะที่อาการไออย่างรุนแรงกำเริบขึ้นมากะทันหัน
“คุณปู่ครับ!” เบรเดนร้องอุทาน พลางถลาเข้าไปคว้าข้อศอกคุณปู่ไว้ เกรงว่าท่านจะล้มลง
“ไง ลูกชาย!” ไมเคิลทักทายอย่างร่าเริง ยกมือขึ้นโบกให้เบรเดน เขาอ้าปากค้างเสียงดังอย่างเล่นใหญ่ เอามือทั้งสองข้างตบแก้มตัวเองแล้วมองไปยังพ่อของเขาซึ่งในที่สุดก็หายใจได้คล่องอีกครั้ง “โอ้ พระเจ้า พ่อครับ! ผมเพิ่งนึกอะไรออก!” ไมเคิลยกมือขึ้นชี้ไปที่ลูกชายของตน “พ่อมีทายาทแล้วนะ! อยู่นั่นไง! เบรเดน! ฮ่าๆ! โอเคนะ? เพราะงั้น ได้โปรด…” เขาดันตัวกับประตู พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนโซซัดโซเซอยู่ต่อหน้าพ่อ “ได้โปรด… เอาความคาดหวังบ้าๆ กับความรับผิดชอบเฮงซวยทั้งหมดของพ่อไปโยนให้เขาเลย! โอเคนะ?”
จูเลียส สโตน จ้องมองลูกชายด้วยขากรรไกรที่ขบแน่น เผลอสบถสาปแช่งวันที่ให้กำเนิดเด็กคนนี้ออกมาในใจ มันไม่เคยเป็นอะไรเลย… ไม่เคยเป็นอะไรเลยนอกจากตัวปัญหาตั้งแต่เกิด
เขาหันไปมองเบรเดน เด็กหนุ่มเงยหน้ามองตอบ ดวงตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขารู้ตัวดี เขารู้ว่าตัวเองคือทายาทและภาคภูมิใจในเรื่องนั้นมากเกินไป
จูเลียสแค่นเสียง “ลูกไม้… หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ”
ไมเคิลหรี่ตามองพ่อ “ผมไม่เหมือนพ่อสักนิด”
จูเลียสเย้ยหยัน “ถูกเผงเลยล่ะสิ แกมันไม่เหมือนข้า! แกมันถอดแบบมาจากตาของแกชัดๆ ข้าหมายถึงเด็กคนนี้ต่างหาก…” เขามองเบรเดนอย่างเศร้าใจ ความหวังสุดท้ายสำหรับทายาทของเขา “…ที่เหมือนแกเปี๊ยบ!”
ไมเคิลพ่นลมหายใจ “เหอะ… ก็ช่วยไม่ได้นะพ่อ จะเอาหรือไม่เอาก็ตามใจ พ่อไม่มีทางเลือกอื่นอยู่แล้วนี่”
ท่านประธานรู้สึกถึงความโกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดไม่ใส่ใจของลูกชาย จริงอยู่ที่เบรเดนเป็นตัวเลือกเดียวสำหรับทายาท แต่จูเลียสยอมตายเสียดีกว่าที่จะทิ้งอาณาจักรของเขาไว้ในมือของคนที่มีนิสัยเหมือนไมเคิลเหลือเกิน เพียงเพราะไม่มีทางเลือก!
“ไม่มีทางเลือกงั้นรึ?” เขาถาม เสียงสั่นด้วยความเดือดดาล “ไม่มีทางเลือก?! ข้าคือจูเลียส สโตน! ข้าจะสร้างทางเลือกบ้าๆ นั่นขึ้นมาเอง!”
ท่านประธานมองไปรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง สติเริ่มกระเจิดกระเจิงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่เธอ เอริน ลูกสาวของแม่บ้าน
จูเลียสสะบัดมือหลานชายออกจากข้อศอก ก้าวเข้าไปหาเอรินซึ่งเบิกตากว้าง
“เธอ” จูเลียสพูดพลางชี้ไปที่เธอ
เอรินกะพริบตา “ห-หนูหรือคะ?”
“ใช่ เธอแหละ แม่หนู มานี่ซิ”
ด้วยความหวาดกลัวจนดูตัวเล็กเหมือนลูกหนู เอรินมองไปที่เบรเดนซึ่งขมวดคิ้วมองเธอ สงสัยว่าทำไมคุณปู่ถึงเรียกเธอเข้ามาในเรื่องส่วนตัวของครอบครัวกะทันหัน
“มานี่ เอริน มัวร์!” ท่านประธานสั่ง “ไม่ต้องกลัว”
เอรินกลืนน้ำลาย เดินเข้าไปหาท่านประธานอย่างระมัดระวังแล้วเงยหน้ามองเขา
จูเลียส สโตน พยักหน้าอย่างพอใจกับความคิดของตัวเอง มองไปยังลูกชาย ไมเคิลมองตอบอย่างงุนงง
“โอเค?” ไมเคิลพูด “ลูกแม่บ้าน แล้วไงต่อ?”
จูเลียสยิ้มมุมปาก นี่มันอัจฉริยะชัดๆ เขาน่าจะคิดเรื่องนี้ได้ตั้งนานแล้ว ลูกชายของเขาโง่เง่าก็จริง แต่เป็นคนโง่ที่รักความหรูหราของความมั่งคั่ง
“แก ไมเคิล” ท่านประธานเริ่มพูด น้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จงทำสุดความสามารถ… ฝึกสอนลูกชายของแกให้ดี เพื่อที่เมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่… เขาจะต้องไม่เป็นเหมือนแกแม้แต่น้อย”
ไมเคิล สโตน หรี่ตา “ไม่งั้นจะทำไม?”
จูเลียสแค่นเสียง “โอ้ ไมเคิล เจ้าหนู แกต้องทำตามที่ข้าสั่ง” เขามองไปที่เบรเดนซึ่งมีสีหน้าสับสนงุนงง “ทั้งแกและเบรเดนจะต้องทำตามที่ข้าสั่งทุกอย่าง ไม่อย่างนั้น… ทุกสิ่งทุกอย่างของข้า… ทั้งหมดของข้า… อาณาจักรของข้า ทุกสตางค์แดงเดียว… จะตกเป็นของเอริน มัวร์ ลูกสาวแม่บ้านคนนั้น”