




บทที่ 9
ตอนกลับมาจากคลับ ฉันก็ล้มตัวลงนอนเลย ไม่ได้ล้างเครื่องสำอางด้วยซ้ำ คือแบบเบื่อหน่ายกับวันนั้นสุดๆ เลย ที่แย่ที่สุดของวันก็คือฉันสลัดนายสูง ล่ำ และหล่อคนนั้นออกจากหัวไม่ได้เลย ฉันพยายามจะนอนแต่เขาก็วนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา พอหลับไปได้ในที่สุด ทั้งหมดที่ฉันฝันถึงก็มีแต่เขา ในฝันฉันยังได้กลิ่นตัวเขาเลยด้วยซ้ำ พอเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเช้าวันรุ่งขึ้น ฉันรู้สึกได้เลยว่าน้องสาวฉันมันแฉะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่ฝันก็ทำให้ฉันแฉะขนาดนี้ได้ แต่ให้ตายสิ ผู้ชายคนนั้นแม่งสุดยอดชะมัด ทั้งตอนใช้แส้ มือของเขา แล้วก็อย่าลืมไอ้นั่นของเขาด้วยล่ะ ‘ให้ตายสิเจน เธอนี่มันทำพลาดเรื่องนี้จริงๆ นะ’ ฉันคิดขณะลุกขึ้นไปเตรียมตัวไปบ้านพ่อ ฉันอาบน้ำ ล้างเครื่องสำอางเมื่อคืนออก แล้วก็สระควันบุหรี่ออกจากผม ฉันทำผมใหม่แล้วก็แต่งหน้าอีกครั้ง ฉันตัดสินใจเลือกชุดเดรสเรียบร้อยสำหรับวันอาทิตย์ จับคู่กับรองเท้าผ้าใบเพราะฉันเอียนกับส้นสูงมาทั้งสุดสัปดาห์แล้ว พอเสร็จธุระ ฉันก็ออกจากอพาร์ตเมนต์ด้วยรถ ออดี้ คิวแปด ของฉัน ฉันรักรถคันนี้มากจริงๆ ไม่ได้ซื้อเองหรอก พ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว ฉันอยากได้ ออดี้ มาตลอด และพ่อก็รู้เรื่องนั้นดี เขาเลยใช้เรื่องนี้มาต่อรองกับฉัน ไม่งั้นฉันคงไม่ยอมรับของขวัญชิ้นนั้นหรอก หลายคนชอบถามฉันว่าทำไมต้องทำงานหนักขนาดนี้ ทำไมไม่ใช้ชีวิตสบายๆ จากกองทุนทรัสต์ฟันด์ ทำไมถึงไม่อยากได้เงินจากพ่อ หนึ่งในนั้นก็คือพ่อของฉันเอง แต่ฉันมีศักดิ์ศรีและอยากจะสร้างอะไรด้วยตัวเอง ฉันไม่อยากให้เงินของพ่อซื้อทุกอย่างให้ฉัน ฉันอยากจะประสบความสำเร็จในโลกนี้ด้วยตัวเอง ฉันโง่หรือเปล่าน่ะเหรอ ก็อาจจะใช่ แต่นี่แหละคือตัวฉัน ฉันแวะสตาร์บัคส์ก่อนจะขับรถไปคฤหาสน์ของพ่อ ฉันสั่งวานิลลาไอซ์ลาเต้ให้ตัวเองแก้วหนึ่ง ตลอดทางไปคฤหาสน์ของพ่อ ฉันฟังเพลงไปพลางแต่ก็คิดไปด้วยว่าจะติดต่อคุณชายสูง ล่ำ และหล่อคนนั้นได้อย่างไรดี ฉันควรจะทำตามตารางเดิมคือไปคลับทุกคืนวันศุกร์แล้วหวังว่าเขาจะโผล่มาไหมนะ คือเขามีห้องดันเจี้ยนส่วนตัวที่คลับด้วยซ้ำ โอกาสที่เขาจะมาอีกครั้งมันสูงมากเลยนะ
พอขับรถเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ ฉันก็ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะไปสถานบันเทิงทุกคืนวันศุกร์ ไม่เว้นสักคืนเดียวจนกว่าจะเจอเขาอีกครั้ง แล้วจากนั้นฉันจะยอมรับบทลงโทษที่ไม่ยอมรับเบอร์โทรศัพท์จากเขา ใช่ เขามันอันตรายจริงๆ นั่นแหละ และฉันก็อาจจะตกหลุมรักเขา แต่ฉันคงต้องตัดใจจากไคล์ได้แล้ว เมื่อคืนมันเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าฉันต้องก้าวต่อไป ฉันรีบตรวจเครื่องสำอางในกระจกรถเพื่อให้แน่ใจว่ารอยจูบมันถูกกลบมิดแล้ว ฉันไม่อยากจะโดนพ่อซักไซ้เป็นสิบๆ คำถามจริงๆ ฉันเริ่มพูดกับตัวเอง ‘เธอทำได้น่าเจนนิเฟอร์ แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง เธอรับมือได้อยู่แล้ว’ พูดให้กำลังใจตัวเองเสร็จ ฉันก็ลงจากรถยนต์อเนกประสงค์ แล้วเดินไปที่ประตูหน้า ก่อนที่ฉันจะได้เคาะประตูเสียอีก จอร์จ พ่อบ้านก็เปิดประตูให้ฉัน “คุณรินน์ครับ” “สวัสดีค่ะจอร์จ พ่ออยู่ในห้องทำงานหรือเปล่าคะ” “ครับคุณหนู ท่านอยู่ในห้องทำงานครับ คุณหนูจะรับกาแฟไหมครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะจอร์จ ฉันเพิ่งดื่มมาค่ะ” “ถ้าคุณหนูต้องการอะไร บอกได้เลยนะครับ” “ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะจอร์จ” ฉันเดินเข้าไปในห้องทำงานของพ่อ เขานั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน “อ้าว เจน ลูกมาแล้วเหรอ” เขาพูดแบบนี้ทุกวันอาทิตย์ และทุกวันอาทิตย์ฉันก็มาที่นี่ “สวัสดีค่ะพ่อ” “ดีใจที่ได้เจอลูกนะ ลูกสาวพ่อ” เขาลุกขึ้นแล้วกอดฉัน “นั่งสิ นั่งสิ บอกพ่อหน่อยสิว่าร้านเล็กๆ ของลูกเป็นยังไงบ้าง” ฉันต้องกัดฟันทุกครั้งที่เขาพูดแบบนั้น สำหรับเขา มันก็แค่ร้านเล็กๆ แต่สำหรับฉัน มันคือโลกทั้งใบของฉัน “ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะพ่อ” “ดีๆ แล้วลูกพกสมุดบันทึกติดตัวมาด้วยหรือเปล่า” “ทำไมเหรอคะ” “พ่อมีงานเลี้ยงต้องไปคืนวันอังคารนี้ เป็นงานเลี้ยงที่ต้องแต่งกายเป็นทางการที่บ้านของอาร์โล เป็นงานเลี้ยงต้อนรับกลับบ้านให้เพื่อนเก่าของเราคนหนึ่ง”
“ทำไมต้องเป็นงานแบล็กไทด้วยล่ะคะ ถ้าเป็นแค่งานเลี้ยงต้อนรับกลับบ้าน” ฉันถามอย่างสับสนเล็กน้อย “ลูกก็รู้จักภรรยาของอาร์โลนี่ ถ้าแม่ของลูกยังอยู่ พ่อก็อยากจะเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้เองเลยนะ คือเพื่อนคนนี้ โรมิโอ เขาช่วยพ่อซื้อธุรกิจแรกของพ่อ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พวกเราก็คงไม่รวยขนาดนี้” “อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ แล้วทำไมฉันต้องไปด้วยล่ะคะถ้าเป็นเพื่อนเก่าของพ่อ” “เจน อย่าทำตัวมีปัญหาหน่อยเลย ลูกก็รู้ว่าพ่อไม่ชอบไปงานเลี้ยงคนเดียว ถึงแม้จะเป็นงานของเพื่อนเก่าก็เถอะ” “ก็ได้ค่ะพ่อ เดี๋ยวฉันไปด้วย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ แต่พ่อก็รู้ใช่ไหมคะว่าฉันต้องกลับบ้านก่อนห้าทุ่ม” “เจนนิเฟอร์ ถ้าลูกมาทำงานให้พ่อ ลูกก็ไม่ต้องตื่นเช้าขนาดนั้นก็ได้นะ พ่อไม่เข้าใจจริงๆ ว่าลูกจะทำไปทำไม” “เราไม่คุยเรื่องนี้ซ้ำอีกได้ไหมคะพ่อ” “ก็ได้ๆ พ่อไม่อยากทะเลาะกับลูกเรื่องงานอดิเรกของลูกหรอก” “พ่อคะ” เขาทำท่ายกมือยอมแพ้ “โทษทีๆ อาชีพของลูกสิ” เขาพูดเหมือนเยาะเย้ยฉันกลายๆ “ไปกินข้าวกันเถอะ” เราเดินไปที่ห้องอาหาร โต๊ะอาหารจัดเตรียมไว้เรียบร้อยเหมือนทุกครั้ง พอเรานั่งลง จอร์จก็เข้ามาแล้วรินไวน์ให้เราคนละแก้ว จากนั้นเชฟก็นำอาหารเรียกน้ำย่อยของเราเข้ามา “ขอบคุณครับ” พ่อกล่าว “ขอบคุณค่ะ” ฉันกล่าวตอบ ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งที่แบรดฟอร์ด รินน์ เข้มงวดให้ฉันกับพี่ชายมีติดตัวก็คือมารยาทที่ดี เราต้องพูดคำว่า ‘ได้โปรด’ ‘ขอบคุณ’ และทักทายผู้คนอย่างเหมาะสม พ่อกับฉันทานอาหารเรียกน้ำย่อยกันเงียบๆ
“แล้วเมื่อคืนพ่อทำอะไรบ้างคะ” ฉันถามเขา พ่อกับฉันไม่ค่อยมีเรื่องคุยกันมากนัก ใช่ มันแปลก ฉันรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฉันไปงานต่างๆ กับเขาเกือบทั้งหมด และมาบ้านเขาทุกวันอาทิตย์ แต่ฉันเป็นทุกสิ่งที่เขามี และลูกสาวก็ต้องทำในสิ่งที่ลูกสาวควรทำ สิ่งที่ถูกต้อง “ก็ไม่มากนะ อ่านหนังสือแล้วก็เข้านอนแต่หัวค่ำ แล้วลูกล่ะ” “ฉันกับเพื่อนๆ ผู้หญิงไปคลับเอ็กซ์มาค่ะ” “อ้อ ตลกดีนะ คลับนั้นเป็นของเพื่อนที่พ่อพูดถึงนั่นแหละ” “อ๋อ” จะให้พูดอะไรได้อีกล่ะ คือเพื่อนของพ่อทุกคนก็แก่ๆ มีพุงหน่อยๆ เป็นพวกผู้ชายสูงวัยที่ไปตีกอล์ฟกัน แต่ดูเหมือนพ่อจะชอบพูดถึงเขาคนนี้นะ วันนี้ฉันเลยฉวยโอกาสนี้เลย “แล้วเพื่อนคนนี้ของพ่อมาจากไหนเหรอคะ” “อดีตภรรยาของเขาอยากอยู่ที่ลอสแอนเจลิส แล้วตอนนี้พอหย่ากันแล้ว เขาก็เลยได้กลับบ้านเสียที” “ฟังดูเหมือนพ่อตื่นเต้นมากเลยนะคะ” “ใช่สิ พ่อคิดถึงเขา เราเคยสนิทกันมาก่อน”