




บทที่ 1
“คุณแซนเดอร์ คิง” บาทหลวงเอ่ยเรียก
“คุณยอมรับคุณแอรีแอนนา จอห์นสัน เป็นภรรยา จะดูแลและรักษาไว้ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ยามป่วยและยามสบาย จะซื่อสัตย์ต่อเธอเพียงผู้เดียว ตราบจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่”
รอยยิ้มของแอรีแอนนากว้างขึ้น แก้มของเธอเปล่งปลั่งอมชมพูระเรื่อ ดวงตาเป็นประกายด้วยความหวังขณะจ้องมองแซนเดอร์ด้วยความรักใคร่
“…”
สายตาของแซนเดอร์ยังคงจับจ้องอยู่ที่แอรีแอนนา สีหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ในความเงียบงันที่โรยตัวลงมาระหว่างนั้น รอยยิ้มของแอรีแอนนาเริ่มจางลง ความคาดหวังแปรเปลี่ยนเป็นความไม่แน่ใจขณะที่เธอรอคอยคำตอบจากเขา
บาทหลวงกระแอม ดวงตาจับจ้องไปที่แซนเดอร์
“คุณคิงครับ” เขากระตุ้น เสียงเจือความกังวล
แซนเดอร์ยังคงเงียบ สายตาไม่ไหวติงขณะจ้องมองแอรีแอนนาต่อไป อารมณ์ความรู้สึกของเขายากจะหยั่งถึง
สายตาของบาทหลวงเหลือบมองแอรีแอนนาแวบหนึ่ง ความประหม่าฉายชัดในดวงตาขณะรอคอยคำตอบจากเจ้าบ่าว
เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามคำถามซ้ำอีกครั้ง น้ำเสียงแฝงแววอ้อนวอน
“คุณคิงครับ คุณยอมรับคุณแอรีแอนนา จอห์นสัน เป็นภรรยาหรือไม่”
สายตาของแซนเดอร์กวาดมองผ่านบาทหลวงและแขกเหรื่อที่มารวมตัวกันอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดลงที่แอรีแอนนา ผู้ซึ่งมองเขาด้วยความงุนงงและไม่แน่ใจระคนกัน
รอยยิ้มของแซนเดอร์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอบอุ่นและปลอบประโลมใจ บัดนี้กลับกลายเป็นเย็นชาขณะที่เขาสบตาแอรีแอนนา สีหน้าของเขากลายเป็นหน้ากากแห่งความเย็นชาห่างเหิน
การเปลี่ยนแปลงท่าทีนั้นสัมผัสได้อย่างชัดเจน ส่งความรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วสันหลังของทุกคนที่อยู่ในที่นั้น
แล้วจากนั้น ด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้ความเห็นใจ แซนเดอร์ก็เอ่ยคำตอบอันแสนโหดร้ายออกมา
“ไม่”
แอรีแอนนาสูดหายใจเฮือก นิ้วมือคลายออก ช่อดอกไม้หลุดจากมือร่วงหล่นลงสู่พื้น
ฝูงชนระเบิดเสียงฮือฮาด้วยความตกตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตา เสียงพึมพำของพวกเขาวนเวียนราวกับพายุรอบความฝันที่แตกสลายของว่าที่เจ้าสาว
แอรีแอนนายืนนิ่งตัวแข็ง ดวงตาสวยเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อขณะจ้องมองแซนเดอร์อย่างเหม่อลอย
“แซนเดอร์... ค-คุณพูดอะไรน่ะ...” เธอกระซิบ เสียงแผ่วเบาแทบไม่ได้ยินท่ามกลางความคิดที่สับสนวุ่นวาย
พวกเขาเคยตัวติดกันตลอดสองปี และเมื่อถึงวัยที่บรรลุนิติภาวะ เขาก็ขอเธอแต่งงาน
แอรีแอนนาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของแซนเดอร์เสมอมา—หรืออย่างน้อยเธอก็คิดเช่นนั้น
ขณะที่เธอยื่นมือไปหาเขา มือสั่นเทาด้วยความสับสนและเจ็บปวด แซนเดอร์กลับสะบัดมือเธอทิ้งอย่างไร้ความปรานี การกระทำของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
แรงปฏิเสธทำให้เธอไม่ทันตั้งตัว เซถอยหลัง หัวใจเต้นระรัวด้วยความตกใจและเจ็บปวด
“ผมไม่ยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยา!” เขาเน้นย้ำทุกคำพูดด้วยความเกลียดชัง น้ำเสียงเฉียบคมและบาดลึก
“จะไม่มีงานแต่งงาน” เขาประกาศอย่างเย็นชา สบตาแอรีแอนนาขณะที่หยาดน้ำตาหยดหนึ่งไหลรินจากดวงตาของเธอเป็นทางลงมาบนแก้ม
แซนเดอร์ไม่สนใจความปั่นป่วนทางอารมณ์ของเธอ หันไปให้ความสนใจกับแขกและนักข่าวที่มารวมตัวกันแทน เสียงของเขาเต็มเปี่ยมด้วยอำนาจขณะกล่าวต่อ
“ยิ่งไปกว่านั้น ความร่วมมือใดๆ ระหว่างตระกูลคิงและตระกูลจอห์นสันจะถูกยุติลงโดยมีผลทันที”
เขายืนนิ่ง มองดูความโกลาหลที่ปะทุขึ้นท่ามกลางแขกเหรื่อขณะที่นักข่าวกระตือรือร้นบันทึกภาพทุกช่วงเวลา
เรื่องนี้ต้องกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งอย่างแน่นอน
แอรีแอนนายังคงยืนนิ่งแข็งทื่อ ประสาทสัมผัสชาด้านต่อความวุ่นวายรอบตัว สายตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่แซนเดอร์ ผู้ซึ่งค่อยๆ ละสายตาจากฝูงชนมาสบตาเธอ
สายตาของทั้งคู่ประสานกัน ความตึงเครียดแผ่ซ่านอยู่ในอากาศ ดวงตาของแซนเดอร์เผยความรู้สึกเกลียดชังและดูแคลนออกมา
ลำคอของแอรีแอนนาตีบตันขณะกลั้นน้ำตา เอื้อมมือไปหาเขาอีกครั้ง แต่เขาก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว หลบเลี่ยงสัมผัสของเธอ
“แซนเดอร์...” เธอเริ่มพูด เสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ท่ามกลางเสียงจอแจ
สายตาของแซนเดอร์จับจ้องอยู่ที่เธอชั่วครู่ก่อนจะหันหลังกลับ ก้าวเดินอย่างมุ่งมั่นจากไปโดยไม่เหลียวหลังมอง
แอรีแอนนายืนนิ่งอยู่ที่เดิม หัวใจหล่นวูบขณะมองเขาเดินจากไป ความรู้สึกมากมายปั่นป่วนอยู่ภายใน
ความเจ็บปวด ความสับสน และความรู้สึกถูกทอดทิ้งถาโถมเข้าใส่ ทำให้เธอรู้สึกหลงทางและโดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงชนที่วุ่นวาย
ข่าวเรื่องงานแต่งงานที่ล่มไม่เป็นท่าของแอรีแอนนา จอห์นสัน แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง ทอดเงาดำมืดลงบนชื่อเสียงที่เคยขาวสะอาดของตระกูลจอห์นสัน พาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ทั่วเมืองต่างประโคมข่าวอื้อฉาวและความปวดใจ:
“เรื่องฉาวหน้าแท่นพิธี: ลูกสาวตระกูลจอห์นสันถูกทิ้งทั้งน้ำตา”
“ฝันร้ายงานวิวาห์: แอรีแอนนา จอห์นสัน ถูกเทในวันสำคัญ”
“ความอัปยศต่อหน้าสาธารณชน: ทายาทจอห์นสันถูกทิ้ง ชื่อเสียงย่อยยับ”
“จากสุขสู่ทุกข์: หายนะวันแต่งงานของแอรีแอนนา จอห์นสัน”
“ตกจากบัลลังก์: ภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบของตระกูลจอห์นสันแหลกสลาย”
ตระกูลคิงตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับพวกเขา
ราวกับว่านั่นยังไม่พอ หุ้นของจอห์นสันกรุ๊ปดิ่งลงเหว โครงการต่างๆ หยุดชะงัก และเงินทุนหายไปในชั่วข้ามคืน
พ่อของแอรีแอนนาเดินไปมาอย่างกระวนกระวายในห้องทำงาน โทรศัพท์หลุดจากมือที่สั่นเทาขณะได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับธุรกิจของพวกเขาอีกครั้ง
น้ำเสียงของเขาแหบพร่าด้วยความหงุดหงิดขณะพูดใส่หูโทรศัพท์
เสียงของไซมอน จอห์นสัน ดังลั่นด้วยความขุ่นเคือง “พลาดข้อตกลงอีกแล้วเหรอ? มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ!” เขาจ้องมองลูกสาวเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยการตำหนิและขมขื่น
"เป็นเพราะแก... ไอ้สารเลว..." เขาแค่นเสียงพูดออกมา แต่ละคำเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ขณะเดียวกัน ที่อีกมุมห้อง แม่ของอาเรียนน่ากำลังเดือดพล่านด้วยความโกรธ ดวงตาของหล่อนวาวโรจน์ด้วยความผิดหวังและโทสะขณะจ้องเขม็งไปยังลูกสาวราวกับจะฆ่าให้ตาย
อาเรียนน่าเบือนหน้าหนี ไม่อาจทนรับความผิดหวังที่ฉายชัดในแววตาของพ่อแม่ได้ แต่ลึกๆ ในใจ เธอกลับไม่เข้าใจเลยว่าทั้งหมดนี้กลายเป็นความผิดของเธอไปได้อย่างไร
แม่ผู้เจ็บช้ำระเบิดความอัดอั้นตันใจออกมา
"พวกเราทุ่มเททั้งหัวใจทั้งเงินทองให้แกมาตั้งหลายปี แต่แกก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามีแต่สร้างความผิดหวัง! แค่ผู้ชายคนเดียวยังรั้งเอาไว้ไม่ได้! แกดูแลเอาใจใส่แซนเดอร์ไม่ดีพอหรือไง? หรือเพราะแกปรนนิบัติเขาไม่ได้เรื่อง เขาถึงได้ประกาศล้มเลิกงานแต่งต่อหน้าธารกำนัลแบบนั้น? นี่มันรอยด่างพร้อยต่อเกียรติของวงศ์ตระกูลเราชัดๆ!"
ใบหน้าของอาเรียนน่าซีดขาวไร้สีเลือดเมื่อถูกถ้อยคำบาดลึกถาโถมเข้าใส่ เธอกำหมัดแน่นด้วยความปั่นป่วนในใจ
เธอไม่อาจเข้าใจได้เลย
ความสัมพันธ์ของพวกเขาเคยเปี่ยมล้นด้วยความรักและคำมั่นสัญญา แซนเดอร์ตามจีบเธออย่างไม่ย่อท้อ และสายใยรักของพวกเขาก็ดูแน่นแฟ้นจนไม่อาจมีสิ่งใดมาทำลายได้ คืนก่อนวันวิวาห์ พวกเขาแบ่งปันช่วงเวลาอันแสนหวาน ประทับตราพันธะสัญญาด้วยจูบแรกของกันและกัน
อาเรียนน่าทะนุถนอมความคิดที่จะรอจนกว่าจะผ่านพิธีแต่งงานไปแล้วจึงค่อยมอบช่วงเวลาอันแสนส่วนตัวนั้นให้แก่แซนเดอร์ มอบพรหมจรรย์ของเธอให้เขาหลังสมรส
แซนเดอร์เองก็เคารพความต้องการของเธออย่างสุดหัวใจ ความเข้าใจและความอดทนของเขาทำให้สายสัมพันธ์ของพวกเขายิ่งแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก
เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวเหมาะเจาะ อาเรียนน่ารู้สึกราวกับกำลังอยู่ในเทพนิยาย
แต่ขณะที่เธอกำลังพยายามทำความเข้าใจกับการปฏิเสธอย่างฉับพลันและโหดร้ายของแซนเดอร์ เธอกลับไม่อาจหยั่งถึงได้เลยว่าเรื่องราวความรักอันสมบูรณ์แบบของพวกเขากลับพลิกผันกลายเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้ได้อย่างไร
สองวันต่อมา...
คิงส์กรุ๊ป ออฟ อินดัสทรีส์
สายตาของอาเรียนน่าจับจ้องชื่ออันยิ่งใหญ่ที่ประดับเด่นหราอยู่บนอาคารตรงทางเข้า ความตั้งใจของเธอแน่วแน่ขึ้นขณะสูดลมหายใจลึก
ด้วยความเด็ดเดี่ยวในหัวใจ เธอสาวเท้าตรงไปยังทางเข้า ในหัวอื้ออึงไปด้วยคำถาม
เธอต้องการคำตอบ... ทำไมแซนเดอร์ถึงปฏิเสธเธออย่างเลือดเย็นถึงเพียงนี้?
ขณะที่อาเรียนน่าเดินเข้าใกล้ทางเข้าอาคารคิงส์กรุ๊ป ออฟ อินดัสทรีส์ เธอคาดว่าจะเดินผ่านเข้าไปได้อย่างสบายๆ เหมือนเช่นหลายครั้งที่ผ่านมา แต่พอก้าวเข้าไปใกล้ประตู ยามรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งก็ก้าวมาขวางหน้า สีหน้าเคร่งขรึม
"ขอโทษครับคุณผู้หญิง ผมให้คุณเข้าไปไม่ได้" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
อาเรียนน่าขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสับสน
"อะไรนะคะ? ทำไมล่ะ? ฉันก็มาที่นี่ออกบ่อยตลอดหลายปีมานี้นี่คะ..."
ยามยังคงไม่ขยับเขยื้อน
"ผมแค่ทำตามคำสั่งครับ คุณผู้หญิง คุณคงต้องรอไปก่อน"
อาเรียนน่าถอนหายใจอย่างขัดใจ จำยอมต้องรอ แม้จะปัดความรู้สึกไม่สบายใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจไม่ได้ เธอนั่งลงบนม้านั่งตัวหนึ่งด้านนอกอาคาร นาทีค่อยๆ ยืดผ่านไปกลายเป็นชั่วโมงอันยาวนานทรมานขณะรอคอย
ดวงอาทิตย์แผดจ้าลงมาอย่างไร้ความปรานี ลำแสงของมันแผดเผาผิวจนแทบไหม้ อาเรียนน่ากัดฟันอดทน ใบหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
ในที่สุด เธอก็เห็นคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากอาคาร—เป็นผู้ช่วยของแซนเดอร์นั่นเอง
เขาเดินเข้ามาหาอาเรียนน่าด้วยท่าทีเป็นทางการเต็มรูปแบบ คำพูดของเขาแทรกผ่านความเงียบอันน่าอึดอัด
"คุณจอห์นสันครับ คุณคิงส์ฝากผมมาเรียนให้คุณทราบ ท่านแจ้งว่าท่านระอาเต็มทีกับการปรากฏตัวของคุณ และขอให้คุณอย่ากลับมาที่นี่อีก ท่านไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกต่อไปแล้วครับ"
ลมหายใจของอาเรียนน่าติดขัดในลำคอ ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดขณะพยายามประมวลผลถ้อยคำอันแสนเจ็บปวด
เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าแซนเดอร์ ชายผู้ครั้งหนึ่งเคยโปรยปรายความรักให้เธออย่างท่วมท้น จะสามารถหยิบยื่นความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนี้ให้เธอได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
สายตาของอาเรียนน่าลดต่ำลงมองพื้น หัวใจเจ็บแปลบทุกครั้งที่มันเต้นขณะพยายามซ่อนความปวดร้าวไม่ให้เขารับรู้ เธอรวบรวมความกล้า หลับตาลงครู่หนึ่งเพื่อตั้งสติก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
"มันสำคัญจริงๆ ค่ะ ขอเวลาคุณสักครู่เดียว ได้โปรดนะคะ..." เธอวิงวอน น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความรู้สึก
"ผมเสียใจครับ คุณจอห์นสัน แต่คุณต้องไปเดี๋ยวนี้" เขาตอบกลับอย่างหนักแน่น ไม่เหลือช่องว่างให้ต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น
อาเรียนน่าเม้มริมฝีปากล่างแน่นจนแทบห้อเลือด ด้วยความพยายามอย่างที่สุด ในที่สุดเธอก็เปล่งเสียงออกมาได้
"ถ้าอย่างนั้น... ได้โปรดช่วยนำข้อความไปบอกเขาด้วย... เห็นแก่ความทรงจำที่เราเคยมีร่วมกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา..."
แต่พอคำพูดหลุดออกจากปาก ความแน่วแน่ของอาเรียนน่าก็พลันสั่นคลอน
ความทรงจำงั้นหรือ?
ความทรงจำอะไรกัน?
มันไม่มีความอบอุ่นใดหลงเหลืออยู่ระหว่างพวกเขาอีกต่อไปแล้ว...
เธอถอนหายใจอย่างขื่นขม ก่อนจะเปลี่ยนคำขอร้องใหม่
"เห็นแก่เรื่องราวที่ผ่านมาของเรา ได้โปรดวิงวอนให้แซนเดอร์ยื่นมือช่วยเหลือครอบครัวจอห์นสันด้วยเถอะค่ะ ถ้าเขายอมช่วยเหลือพวกเขา ฉันก็จะทำตามความต้องการของเขา... และหายไปจากชีวิตเขาตลอดไป"
น้ำตาคลอหน่วยในดวงตาของอาเรียนน่าขณะเอ่ยต่อ
"เขาต้องเข้าใจนะคะว่าครอบครัวของฉันกำลังลำบากแค่ไหน พวกเขากำลังจมกองหนี้ และฉันก็กลายเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ไม่มีใครในครอบครัวยอมพูดกับฉันเลย พวกเขามองว่าฉันเป็นตัวซวย... ได้โปรดบอกให้แซนเดอร์รู้ถึงสถานการณ์อันเลวร้ายของเราด้วยเถอะค่ะ อย่างน้อยที่สุด... นี่คือสิ่งที่เขาพอจะทำให้ได้... หลังจากเรื่องราวทั้งหมดที่เราเคยมีร่วมกัน"
บางทีอาจเพราะต้องการตัดสายสัมพันธ์ให้ขาดสะบั้นโดยสิ้นเชิง คิงส์กรุ๊ปจึงมอบเงินก้อนหนึ่งให้แก่ครอบครัวจอห์นสันเพื่อเป็นการช่วยเหลือ
เพื่อเป็นการตอบแทน อาเรียนน่าทำตามสัญญาและเดินทางไปยังต่างแดน ทิ้งไว้เบื้องหลังเพียงเศษซากที่แตกสลายของความสัมพันธ์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยดูสดใสและเปี่ยมด้วยความหวัง