




5.จอร์แดน
เรนมองสระน้ำธรรมชาติที่ก่อตัวขึ้นตรงฐานน้ำตก แม้มันจะไม่ลึกพอให้ลงไปว่ายน้ำได้จริง ๆ แต่เราก็ยังสนุกกันได้
ตอนฉันเด็กกว่านี้ ช่วงวันฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าว ฉันเคยมากับเควิน แดน และผู้ชายคนอื่น ๆ ที่น้ำตก แล้วใช้เวลาหลายชั่วโมงเก็บก้อนหินหรือเล่นอยู่ในสระ จากนั้นเอลลี่ก็เริ่มมาเต้นรำที่นี่ แล้วมันก็กลายเป็นเหมือนสถานที่ของเธอไปโดยปริยาย
แก้มของเรนแดงระเรื่อ
ให้ตายสิ
มันเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา
“ฉันไม่อยากเปลื้องผ้า” เธอพูด เสียงสั่นเครือ เธอตัวแข็งทื่อจนฉันกลัวว่าเธอจะหักเป็นสองท่อน
ฉันเคยอยู่กับสาวพรหมจรรย์มาก่อน แต่เรนดูหวาดกลัวเกินไป ลุกลี้ลุกลนเกินไป ฉันสลัดความรู้สึกที่ว่ามีใครบางคนทำอะไรไม่ดีกับเธอไม่หลุด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แล้วทำไมเธอถึงไม่พูดอะไรเลย?
“ถ้าเธออยากให้เสื้อผ้าเปียกโชกไปหมด ก็เชิญตามสบายเลย แต่ฉันจะถอดของฉันอยู่ดี” ฉันบอกเธอขณะช่วยพยุงเธอนั่งลงบนผ้าห่มข้าง ๆ ฉัน
เรนยืนนิ่ง กำมือแน่น “ฉันไม่อยากให้คุณเปลื้องผ้า” หัวใจเธอเต้นเร็วมากจนฉันได้ยิน “ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้? ฉันไปทำอะไรให้คุณ?”
ฉันลุกขึ้นยืน “ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย” ฉันประท้วง
เธอชี้ไปที่ตะกร้าและผ้าห่ม “ขอร้องล่ะ แค่เพราะฉันเป็นเด็กกำพร้า ไม่ได้หมายความว่าฉันโง่นะ”
ทำไมเธอถึงได้รับมือยากชะมัด? “เธอควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ฉันยอมคุยกับเธอ! เธอรู้ไหมว่ามีผู้หญิงกี่คนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้มาอยู่ตรงนี้?”
‘ใจดีกับเธอหน่อยสิ ไอ้งี่เง่า!’ ไททันตวาดใส่ฉันในหัว
‘ฉันพยายามอยู่ แต่เธอน่าหงุดหงิดชะมัด’
เรนกอดอก “งั้นก็ไปหาพวกนั้นสิ ฉันพนันได้เลยว่ารูธคงยินดีอ้าขาให้คุณ”
เธอเปลี่ยนจากหวาดกลัวเป็นโกรธ ถึงแม้เธอกำลังต่อต้านฉัน — ซึ่งปกติจะทำให้ฉันโคตรหงุดหงิด — แต่ฉันเริ่มจะชอบมันแล้ว อย่างน้อยเธอก็มีความเป็นตัวของตัวเองอยู่บ้าง
‘เธอจะเป็นลูน่าที่ยอดเยี่ยมได้เลยนะ’ ไททันบอก
‘อย่าโง่น่า เรนจะไปรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเป็นลูน่า? แล้วไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่ใช่ของเรา’
‘แกควรจะถูกขังไว้โทษฐานที่โง่เง่าสิ้นดี!’ ไททันสวนกลับ
‘แกกำลังพยายามจะบอกอะไรฉัน?’
‘ใช้สมองเท่าเม็ดถั่วที่แกมีคิดดูสิ!’
ฉันมองเรน มองเธอจริง ๆ จัง ๆ ฉันรู้สึกดึงดูดใจในตัวเธอมาตลอด มันทำให้ฉันโมโหเพราะฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กผู้หญิงต้องสาปที่ฆ่าพ่อแม่ตัวเองในกองเพลิง — ซึ่งฉันไม่เคยเชื่อเรื่องนั้นเลยสักวินาทีเดียว — ถึงเป็นคนที่อยู่ในความคิดฉันตลอดเวลา
‘แกคิดว่าเธอคือคนนั้นหรือเปล่า?’
เรนอาจจะเป็น... เมทของฉัน?
‘ปิ๊งป่อง’
บ้าเอ๊ย! แล้วดูวิธีที่ฉันปฏิบัติกับเธอสิ ‘แกรู้ได้ยังไง? เธอยังอายุไม่ถึงสิบเก้าเลยนะ’
‘หมาป่าอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้มากกว่าร่างมนุษย์ของมัน’
‘แล้วทำไมแกไม่พูดอะไรออกมาวะ?’
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไททันขอให้ฉันดูแลเธอเหมือนอัญมณีล้ำค่าที่สุด เพราะเธอเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
‘เพราะแกต้องเปลี่ยนวิธีปฏิบัติต่อเธอเพราะแกเห็นบางอย่างในตัวเธอ ไม่ใช่เพราะรู้ว่าเธอเป็นอะไรกับเรา’
ฉันคว้าเอวเธอแล้วดึงเข้าหาตัว “ถ้าฉันต้องการรูธ ฉันคงอยู่กับเธอไปแล้ว เธอเป็นแค่ความผิดพลาด”
“แล้วฉันล่ะคืออะไร?” เรนถาม
“คือทางเลือก” ฉันพูดกับเธออย่างจริงใจ เพราะฉันเลือกเธอจริง ๆ
ให้ตายสิ เมทของฉัน อยู่ใต้จมูกฉันมาตลอดเวลา ฉันรอที่จะรู้สึกถึงพันธะกับเธอไม่ไหวแล้ว ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยากจะเติมปอดให้เต็มไปด้วยกลิ่นกายของเธอที่ยั่วเย้าฉันมาหลายเดือนแล้ว เธอยังคงมีกลิ่นเหมือนน้ำยาฟอกขาว ฉิบหาย ฉันต้องไปคุยกับพ่อฉันหน่อยแล้ว ถ้าเรนเป็นเมทของฉันจริง ๆ เธอก็คือลูน่าในอนาคตของฝูง เธอจะมาทำงานงก ๆ อยู่แบบนี้ไม่ได้ในเมื่อเธอมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมากมายเกี่ยวกับหน้าที่ในอนาคตของเธอ
‘ฉันนึกว่าแกไม่อยากเสียช่วงเวลาดี ๆ ไปกับการมีคู่ซะอีก’
ฉันพูดแบบนั้นไปก่อนหน้านี้ก็จริง แต่เอาตามตรง ถ้าเรนเป็นเมทของฉัน ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะสละอิสรภาพของฉันหรอก
เรนขมวดคิ้ว “ทางเลือกสำหรับอะไร? สำหรับเอา?”
“อย่าหยาบคายนักสิ ฉันไม่มีวัน ‘เอา’ เธอแบบนั้นหรอก”
“ผู้ชายทุกคนก็เอาโดยไม่สนใจผู้หญิงทั้งนั้นแหละ ถ้านี่คือทั้งหมดที่คุณต้องการ ก็ทำมันซะ คุณจะได้เลิกยุ่งกับฉัน!”
ฉันประคองแก้มเธอ “เวลาเรามีเซ็กส์กัน มันจะไม่ใช่การ ‘เอา’ แต่เป็นการร่วมรัก ฉันจะใช้เวลาทะนุถนอมเธอ เพื่อแสดงให้เธอเห็นว่าฉันจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหน”
“ทำไม?” เธอต้องการคำตอบ
ก่อนที่ฉันจะจูบเธอ ฉันตอบคำถามของเธอ “เพราะฉันชอบเธอ เรน”
‘ในที่สุดแกก็เริ่มเข้าใจซะที’ ไททันดูมีความสุข หางของมันคงกำลังกระดิกอยู่
ริมฝีปากของฉันประทับลงบนริมฝีปากของเธอ แต่เธอผลักฉันออก ฉันบอกได้เลยว่าเธอตกใจมาก “คุณจะมาชอบฉันไม่ได้! ถ้าคืนนี้คุณเจอเมทของคุณล่ะ? ถ้า—”
ฉันวางนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากเธอ “ฉันจะไม่เจอเธอคืนนี้” เธอส่ายหน้า “ฟังฉันนะ ทุกอย่างจะเรียบร้อย ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของฉันแล้ว”
ริมฝีปากล่างของเธอสั่นระริก “ฉันเป็นของคุณไม่ได้ ฉันไม่ยอม”
ถ้าเธอเป็นเมทของฉัน เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับฉัน “เป็นเพราะวิธีที่ฉันปฏิบัติต่อเธอเหรอ? ถ้าใช่ ฉันขอโทษ ฉันมันงี่เง่ากับเธอมานาน แต่ให้โอกาสฉันสักครั้งเพื่อพิสูจน์ว่าฉันเปลี่ยนไปแล้ว ว่าฉันจะไม่ทำร้ายเธออีก โอกาสเดียวที่จะแสดงให้เธอเห็นว่าฉันหมายความตามทุกคำที่ฉันกำลังบอกเธอตอนนี้”
เรนสูดหายใจเข้าลึกเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว “ฉันอยู่กับคุณไม่ได้เพราะฉันกำลังรอเมทของฉันอยู่ คุณก็ควรจะทำเหมือนกัน”
“ถ้าเธอกำลังรอเมทของเธออยู่ ทำไมเธอถึงบอกว่าฉันมีเซ็กส์กับเธอได้?” ฉันอยากรู้
เธอเหม่อมองไปทางน้ำตก ไม่มองฉัน “เพราะไม่ว่าฉันจะปฏิเสธกี่ครั้ง ก็ไม่มีใครฟังเลย”
‘ฉันไม่ชอบที่ได้ยินแบบนั้นเลย’
‘ฉันก็เหมือนกัน แล้วท่าทีของเธอก่อนหน้านี้ เหมือนกับว่าฉันจะไปบังคับเธอ’ ความคิดที่จะทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นมันทำให้ฉันคลื่นไส้ ‘นายคิดว่าเธอเคย….?’
ฉันถามต่อไม่จบ แต่ไททันเข้าใจสิ่งที่ฉันหมายถึง ‘ถ้ามีใครข่มขืนเธอ ฉันจะฆ่ามันด้วยมือตัวเอง’
เพื่อให้แน่ใจว่าฉันไม่ได้ตีความสถานการณ์ผิดไป ฉันจึงถามเรน “มีผู้ชายคนไหนทำอะไรที่เธอไม่ต้องการ หรือบังคับให้เธอทำ...เรื่องพวกนั้นหรือเปล่า”
สายตาเธอกลับมามองฉัน “ไม่ค่ะ” เธอตอบ แต่ไม่สบตาฉัน เธอไม่เคยสบตาฉันเลย
ฉันรู้สึกโล่งใจ “ดี” บางทีเธออาจจะประหม่าเวลาอยู่ใกล้ฉันเพราะฉันเคยเป็น...คนที่คอยแกล้งเธอ หวังว่าฉันคงไม่ได้ทำทุกอย่างพังกับเธอไปหมดแล้วนะ “ถ้างั้นเราก็คบกัน จบเรื่องแค่นี้ เรามากินอะไรกันก่อนแล้วค่อยไปเล่นน้ำในสระดีไหม”
เธอยอมตกลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ แล้วเราก็นั่งลงบนผ้าห่ม มีแซนด์วิชสองสามชิ้นกับช็อกโกแลตบาร์อยู่ในตะกร้า ฉันหยิบแซนด์วิชขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วส่งช็อกโกแลตบาร์ให้เรน
ฉันเชื่อมจิตถึงเควิน
‘เพื่อนเอ๊ย แซนด์วิชทูน่าเนี่ยนะ!? มึงก็รู้ว่ากูโคตรเกลียดทูน่าเลย!’ ฉันบ่น
‘นั่นมันของเรน เธอชอบทูน่า’ เควินบอกฉัน
เรนฉีกซองช็อกโกแลตบาร์ ตาเบิกกว้างขณะกัดคำเล็กๆ เข้าไป เธอครางออกมาเหรอวะ? ‘ฉันไม่ยักรู้ว่าเธอชอบทูน่า’
เควินเงียบไปครู่หนึ่ง ‘เรื่องก่อนหน้านี้ ถ้ามึงแค่คิดจะเล่นๆ กับเรน... อย่าทำ เธอไม่สมควรโดนแบบนั้น’
ถึงแม้ฉันจะไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้เควินฟัง แต่ฉันตัดสินใจจะพูดตามตรงกับเขา ‘ฉันชอบเธอ เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนที่ฉันเคยคบมาก่อน’
‘ถ้ามึงทำเธอเจ็บ กูก็จะทำมึงเจ็บ’ เควินสาบาน ‘แล้วก็เลิกรังแกบ้าๆ นั่นได้แล้ว! เรื่องเหี้ยนั่นต้องจบซะที’
แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกัน เขาก็พยายามห้ามฉันไม่ให้ทำตัวงี่เง่าใส่เรนมาตลอด ‘ไม่ทำอีกแล้ว’ ฉันสัญญา
‘มึงจะกลับมาที่แพ็คเฮาส์เมื่อไหร่? คุณนายมาเรียนกำลังบ่นเรื่องที่อัลฟ่าเบนให้เรนหยุดงานวันนึง’
พ่อฉันทำอะไรนะ? นี่มันครั้งแรกเลยนะเนี่ย ‘ถ้าเรนได้หยุดงาน คุณนายมาเรียนก็ควรจะยุ่งเรื่องของตัวเองไปเถอะ เรนไม่ใช่ทาสของแพ็ค’
‘แหงล่ะสิ ไม่ใช่เลย’
ฉันฟังออกน่าว่าประชด
เรนกินช็อกโกแลตบาร์หมด แท่งแล้วลุกขึ้นยืนถอดกางเกงยีนส์ออก
‘เควิน มึงช่วยเอาเสื้อผ้าแห้งมาให้หน่อยได้ไหม’
‘เกิดอะไรขึ้นวะ’ เควินถาม น้ำเสียงกังวล
‘ผู้หญิงของฉันเพิ่งลงสระไปทั้งชุด แล้วเธอก็ไม่ได้ใส่บราด้วย เวรเอ๊ย! เสื้อเธอเปียกหมดแล้ว โชคดีชิบหายที่ไม่ใช่สีขาว’ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าอกเธอผ่านเสื้อเปียกๆ หรอกนะ
ดูเหมือนเรนจะสนุกกับการเล่นสาดน้ำ ฉันจึงเริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองบ้าง
‘มึงช่วยถามแอนเดรียหรือเอลลี่ให้หน่อยได้ไหมว่าพวกเธอมีชุดเดรสให้เรนยืมหรือเปล่า’ ฉันถามเควินขณะลงไปหาเรนในสระ
‘ชุดเดรส? เอาไปทำไมวะ’
ทำไมเควินมันถามคำถามบ้าๆ เยอะแยะจังวะ?
เรนมองหน้าอกเปลือยเปล่าของฉัน แก้มเธอเปลี่ยนเป็นสีชมพู อย่างน้อยไอ้นั่นของฉันก็ถูกน้ำบังไว้
‘ฉันอยากให้เรนมีความสุขมากๆ ในปาร์ตี้คืนนี้’ ฉันตอบก่อนจะตัดการเชื่อมจิต
“ทำไมนายแก้ผ้าล่ะ?!” เรนถามอย่างประหม่า
“ฉันไม่อยากให้เสื้อผ้าเปียกน่ะ”
ตาของฉันจับจ้องอยู่ที่หน้าอกเธอ ที่ได้ชิมไปก่อนหน้านี้มันยังไม่พอ ฉันอยากเห็นหน้าอกของเธอ ฉันยื่นมือไปที่เสื้อเชิ้ตของเธอแล้วเริ่มปลดกระดุม
“นายบอกว่าจะไม่ทำร้ายฉันนี่” เธอครวญเสียงสั่นขณะคว้าข้อมือฉันไว้
“น้ำมันเย็นนะ ฉันไม่อยากให้เธอป่วย”
เธอพ่นลมหายใจ เธอรู้ทันคำโกหกของฉัน
ฉันพยายามปลดกระดุมอีกเม็ด แต่เธอกำข้อมือฉันแน่นขึ้นไปอีก “ปล่อยฉันนะ” ฉันคำราม อยากเห็นสิ่งที่เเป็นของฉันใจจะขาด “เรน เดี๋ยวนี้!” ฉันสั่งเมื่อเธอไม่เชื่อฟัง
เธอครางเบาๆ แล้วยอมปล่อยมือลงข้างลำตัว ฉันดึงเสื้อเชิ้ตลงจากไหล่ เผยให้เห็นหน้าอกของเธอ มันใหญ่กว่าฝ่ามือฉันเสียอีก
ฉันจะได้ชื่นชมเจ้าสองเต้านี้ไปตลอดชีวิตเลยเหรอ? เยี่ยมไปเลยโว้ย!
ก็...ถ้าเธอเป็นเมทของฉันน่ะนะ
ฉันโอบอุ้มเต้านมของเธอ ชื่นชมที่มันล้นออกมาจากมือ เรนตัวแข็งทื่อ ฉันพยายามปลอบเธอ “เราจะไม่ทำอะไรที่เธอไม่ต้องการ”
‘อดทนกับเธอหน่อย’ ไททันแนะนำ ‘เราไม่อยากทำให้เธอตกใจไปมากกว่านี้’
‘แม่งเอ๊ย มันยากชิบหาย’ ฉันบอกไททัน ‘ฉันอยากให้เรนอยู่ใต้ร่างฉัน ครางชื่อฉันออกมา ถึงแม้ฉันจะไม่กดดันให้เธอมีเซ็กซ์กับฉัน แต่ฉันก็ยังอยากจะค้นหาว่าเธอชอบอะไร อะไรทำให้เธอมีอารมณ์ เมื่อเธอพร้อมในที่สุด ฉันจะตีตราเธอขณะที่ฉันฝังตัวลึกอยู่ในร่างเธอ’
‘เราจะตีตราเธอที่แท่นหินศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าแพ็คทั้งหมด!’
‘เออๆ รู้แล้วน่า’
ฉันก้มหน้าลง “ขอชิมนิดเดียวน่า” ฉันพึมพำชิดผิวเธอก่อนจะครอบครองยอดถันสีชมพูชูชันข้างหนึ่งไว้ในปากแล้วดูดมันแรงๆ
เรนยืนนิ่งขณะที่ฉันโลมเลียหน้าอกเธอ ดูดและเลียยอดถันจนมันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ริมฝีปากฉันไล่สูงขึ้นไปจนพบปากเธอ แล้วฉันก็จูบเธอ ใช้เวลาไม่นานเธอก็ตอบรับจูบนั้น ฉันใช้ลิ้นสำรวจปากเธอขณะที่มือก็เคล้นคลึงหน้าอกไปด้วย ต้องใช้เวลาสักพัก แต่ในที่สุดเธอก็ผ่อนคลายพอที่จะเพลิดเพลินกับสัมผัสของฉัน
ฉันไม่แน่ใจว่าเรานัวเนียกันนานแค่ไหนตอนที่ได้ยินเสียงเควินตะโกนเรียกชื่อฉัน เรนผละจูบออกแล้วดันมือฉันออกจากหน้าอกเธอ
“รอเดี๋ยวน่า!” ฉันตะโกนตอบขณะรีบจัดเสื้อให้เรน ไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนเห็นสิ่งที่เเป็นของฉัน
ฉันช่วยเรนขึ้นจากน้ำ สวมกางเกงยีนส์แล้วเอาผ้าห่มคลุมตัวเธอไว้
“โอเค เข้ามาได้แล้ว!” ฉันบอกเควิน
เควินโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้พร้อมเป้สะพายหลัง เขามองเรนสลับกับมองฉัน และฉันเห็นได้ว่าเขากำลังโกรธ ครู่ต่อมา เขาก็ตีหน้าเรียบเฉย ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงอารมณ์เสีย บางทีเขาอาจจะกังวลว่าเรนคือลูน่าในอนาคตของแพ็ค
‘เขาไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก เรนจะเป็นลูน่าที่ยอดเยี่ยม’
ฉันไม่รู้ว่าทำไมไททันถึงมั่นใจนักว่าเรนจะเป็นลูน่าที่ยอดเยี่ยมในอนาคต แต่ฉันเชื่อเขา ถ้าเทพีจันทราจับคู่ฉันกับเรน ก็เป็นเพราะเธอคืออีกครึ่งหนึ่งของฉันเท่านั้น
เควินยื่นกระเป๋าเป้ให้ฉัน และฉันก็รูดซิปเปิดมัน
“อันเดรียบอกว่ามีชุดกับรองเท้าให้เรนใส่ไปงานปาร์ตี้ได้ เอลลี่อยู่ที่บ้านอันเดรีย พวกเธอบอกว่าอยากให้เรนไปเตรียมตัวด้วยกัน” เควินบอกขณะที่ฉันหยิบเสื้อชั้นในที่ดูเหมือนจะเป็นไซส์ของเรนออกมา
“มีอะไรเหรอคะ” เรนอยากรู้
“เธอได้รับเชิญไปงานปาร์ตี้” ฉันตอบ
“แต่ว่า…” เรนพยายามจะเถียง แต่ฉันขัดเธอ
“ไม่มีแต่ เธอต้องมา!” ทำไมเธอต้องขัดใจฉันตลอดเวลาเลยนะ โอเมก้าควรจะเชื่อฟังอัลฟ่าสิ ฉันรอให้มีพันธะคู่ไม่ไหวแล้ว บางทีตอนนั้นเธออาจจะว่าง่ายขึ้น
ป้ายราคาบนเสื้อชั้นในยังติดอยู่ ฉันยื่นมันให้เรนพร้อมกับเสื้อยืดและกางเกงชั้นในจีสตริงที่เข้าชุดกัน
ฉันหยิบเสื้อยืดกับรองเท้าของตัวเองจากที่ที่วางทิ้งไว้ ทิ้งตะกร้าไว้บนก้อนหินเผื่อว่าเรนอยากจะกินหรือดื่มอะไรเพิ่ม
‘เราควรดูแลให้เธอกินอาหารดีๆ สามมื้อทุกวัน ดูสิว่าผอมแค่ไหน!’ ไททันบ่น
‘ฉันมีตา ฉันเห็นชัดเจนน่า’
“ปล่อยให้เรนเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” ฉันบอกเควิน “เราจะรอเธอในป่า” ฉันบอกเรน
เควินกับฉันเดินไปเงียบๆ และเมื่อเราอยู่ห่างจากเธอพอสมควร ฉันก็ตัดสินใจขอร้องเขาอีกเรื่อง
“นายช่วยซื้ออะไรให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันอยากจะไปซื้อเอง แต่เรื่องพวกนี้นายถนัดกว่าฉัน”
“นายต้องการอะไร” เควินถามขณะที่เราหยุดเดิน
“โทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่ง ให้เรน มันคงจะง่ายกว่าถ้าฉันติดต่อเธอทางจิตได้”
“ได้สิ ขอเวลาฉันวันสองวัน”
เรนตามมาสมทบกับเราในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ในมือถือตะกร้ากับผ้าห่ม ฉันรับมันมาจากเธอแล้วยัดแซนด์วิชทูน่าใส่มือเธอ “กินซะ!”
กว่าเราจะกลับมาถึงบ้านใหญ่ของฝูง เรนก็กินไม่ใช่แค่แซนด์วิชทูน่า แต่ยังกินช็อกโกแลตบาร์ไปอีกสองแท่ง ฉันทิ้งเรนไว้หน้าบ้านอันเดรียก่อนที่ฉันจะไปที่ห้องครัว
มันเป็นสถานที่ที่วุ่นวายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา และมีอาหารกองเป็นภูเขาอยู่ทั่วทุกที่
“นี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอครับสำหรับงานวันเกิด” ฉันถามคุณป้าแมเรียนทันทีที่เห็นเธอ
“ท่านไม่รู้หรือคะว่าการย่างเข้าอายุยี่สิบสองเป็นเรื่องสำคัญมากในชีวิตของอัลฟ่า อัลฟ่าโสดหลายคนมักจะพบคู่แท้ของตนในช่วงวัยนี้” คุณป้าแมเรียนพ่นลมหายใจ
ฉันหวังว่าคุณป้าแมเรียนจะพูดถูก ฉันคงไม่อยากตั้งความหวังไว้สูงว่าเรนคือคู่ของฉัน แล้วต้องมาผิดหวังเมื่อเธออายุครบสิบเก้า ความคิดที่ว่าเธอเป็นของฉันมันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก
‘เจ้าคืบหน้าไปมากตั้งแต่ตื่นขึ้นมานะ’
‘มันคงจะง่ายกว่านี้ถ้านายบอกอะไรฉันบ้างตั้งแต่แรกรู้ว่าเรนเป็นของเรา’
‘ข้ากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธเธอ เพราะเจ้าเคยดูถูกเธอไว้มาก แล้วเมื่อวานเจ้าก็บอกว่าแค่อยากได้เธอมาอยู่บนเตียงจนกว่าจะเบื่อแล้วก็ทิ้งไป’
ฉันไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธคู่แท้ของตัวเองเลย ไม่ว่าเธอจะมีภูมิหลังอย่างไร
‘ฉันไม่มีวันปฏิเสธเธอ ไททัน เรนกับซาเฟียเป็นของเรา ฉันไม่มีวันเบื่อพวกเธอ’
‘ดี’
“ไม่ว่าผมจะอายุครบกี่ปี อย่าทำอาหารเยอะขนาดนี้ ส่วนใหญ่มันจะเหลือทิ้งเปล่าๆ และพูดถึงเรื่องอาหาร ตั้งแต่นี้ไป ผมอยากให้คุณป้าเตรียมอาหารสามมื้อให้เรนทุกวัน” ฉันเห็นว่าคุณป้าแมเรียนอยากจะคัดค้าน “นี่คือคำสั่ง”
“เข้าใจแล้วค่ะ” ดูเหมือนเธอจะไม่พอใจนัก ฉันไม่สน ตราบใดที่เธอทำตามคำสั่งของฉัน
เมื่อจัดการเรื่องนั้นเรียบร้อย ฉันก็กลับไปที่ห้องของฉัน ในอีกเก้าวัน ในคืนวันเพ็ญ ห้องนี้ก็จะกลายเป็นห้องของเรนด้วย
‘แน่ใจนะว่าวันเกิดเธอคือคืนวันเพ็ญหน้า’ ฉันถามไททัน
‘ใช่ และอย่าถามว่าข้ารู้ได้อย่างไร ข้าสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่บอก’
ฉันต้องไปตรวจสอบบันทึกวันเกิดของเรน
‘ช่างเถอะ’
ฉันเกลียดเวลาที่ไททันเก็บความลับจากฉัน
เมื่อใกล้ค่ำ แขกก็เริ่มทยอยมา ขณะที่ฉันยืนต้อนรับแขกอยู่กับพ่อ ฉันก็มองหาเรน แต่ไม่เห็นเธอที่ไหนเลย โต๊ะและเก้าอี้ถูกจัดวางไว้ที่สวนหลังบ้าน และส่วนใหญ่ก็มีคนนั่งเต็มแล้ว
ฉันกำลังจะเดินไปที่บ้านของอันเดรีย ทันใดนั้น คู่สามีภรรยาที่อายุราวๆ พ่อแม่ฉันก็เดินเข้ามาหาฉันกับพ่อ มีหญิงสาวอายุราวๆ ยี่สิบปีมากับพวกเขาด้วย
“เบน!” ชายคนนั้นทักทาย แล้วเขากับพ่อของฉันก็กอดกัน
“ลูกพ่อ นี่คือราชาโดบรินจากบัลแกเรีย และแน่นอน พระราชินีบอกดานาและเจ้าหญิงวัลยา โดบริน” พ่อตบไหล่ขวาฉัน “นี่ จอร์แดน ลูกชายข้าเอง” พ่อแนะนำฉันให้รู้จักกับเพื่อนเก่าแก่ของท่าน
ฉันรู้ว่าพ่อเคยหวังว่าเจ้าหญิงวัลยากับฉันจะเป็นคู่แท้กัน แต่กลิ่นของเธอไม่ได้กระตุ้นความสนใจของไททันเลย เจ้าหญิงวัลยาหอมแก้มฉันและอวยพร ‘สุขสันต์วันเกิด’ แต่ฉันไม่รู้สึกถึงประกายใดๆ ระหว่างเธอกับฉันเลย เธอดูผิดหวัง แต่ฉันกลับโล่งใจ
เรนคือผู้หญิงของฉัน
แล้วสายตาของฉันก็เห็นเธอ และหัวใจฉันก็เต้นรัว ผมสีแดงเป็นลอนสยายลงมากลางหลัง ชุดเดรสสั้นสีดำสายสปาเก็ตตี้ที่เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งทั้งหมดของเธอ รองเท้าส้นสูง และการแต่งหน้าที่ทำให้เธองดงามยิ่งกว่าเดิม—เรนคือเจ้าหญิงตัวจริงของงานนี้ และไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่คิดแบบนั้น เพราะผู้ชายโสดหลายคนกำลังจ้องมองเธออยู่
เธอมองมาทางฉัน ดวงตาสีเขียวของเธอกำลังมองหาบางสิ่งหรือบางคน ฉันหวังว่าคนที่เธอมองหาคือฉัน
‘ฉันว่าฉันกำลังตกหลุมรัก’ ฉันสารภาพกับไททัน
‘สมควรแก่เวลาแล้วล่ะน่า!’
‘นายคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันประกาศความเป็นเจ้าของเธอตรงนี้ เดี๋ยวนี้เลย’
ก่อนที่ไททันจะทันได้ตอบ เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อรูธผลักเรนเข้าไปชนโต๊ะที่เต็มไปด้วยแก้ว
“เรียกหมอ!” ฉันตะโกนขณะรีบวิ่งไปหาเรน
เศษแก้วทิ่มแทงผิวหนัง ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วแผ่นหลังตอนที่ฉันล้มทับโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งพังลงใต้ร่างฉัน ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก่อนที่ทุกอย่างจะพังครืนลงมากระแทกพื้น รวมทั้งตัวฉันด้วย โต๊ะตัวนั้นตั้งอยู่บนพื้นปูในสวนหลังบ้าน และหัวฉันก็กระแทกกับพื้นแรงพอสมควร
ฉันนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น พยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงเสร็จ ฉันก็ออกไปตามหาจอร์แดน เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองควรทำอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาร่วมงานเลี้ยงในฐานะแขก พอได้กลิ่นของเขาเท่านั้นแหละ... ก็มีคนผลักฉัน?
สมาชิกฝูงกรูกันเข้ามารอบตัวฉัน แม้เสียงเพลงจะดังกระหึ่ม ฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะและคำพูดโหดร้ายที่มุ่งตรงมาที่ฉัน ฉันรู้แต่แรกแล้วว่ามางานเลี้ยงเป็นความคิดที่แย่ แต่จอร์แดนไม่ยอมฟังเลย ฉันน่าจะอยู่ในห้องตัวเอง ห่างจากทุกคนและทุกสิ่ง
มีคนคุกเข่าลงข้างๆ ฉัน
กลิ่นส้ม
จอร์แดน
"เรน หมอกำลังมาแล้วนะ" จอร์แดนบอกพลางลูบผมฉัน
มีคนหัวเราะ "แกคงไม่ได้เป็นห่วงไอ้ตัวไร้ค่าของฝูงจริงๆ หรอกนะ จอร์ดี้"
รูธ ลูกพี่ลูกน้องของฉัน
ทำไมวันเกิดฉันไม่ใช่วันนี้เลยนะ ฉันจะได้ไปจากที่นี่เสียที ไม่ต้องหันกลับมามองอีก
กลิ่นของจอร์แดนเปลี่ยนไป เขาโกรธจัดจนตัวสั่น เขาค่อยๆ ยืนขึ้น "ถ้าแกแตะต้องเธออีกแม้แต่ครั้งเดียว ฉันจะเตะแกออกจากฝูงด้วยตัวเอง!" จอร์แดนคำรามเสียงต่ำ มองไปยังหมาป่าหญิงคนหนึ่ง คงจะเป็นรูธ
ทำไมฉันไม่แปลกใจเลยนะว่าเธออยู่เบื้องหลังการผลักฉันครั้งนี้
อีกกลิ่นหนึ่งเด่นชัดขึ้นมา—กลิ่นไม้จันทน์ เควิน
"เรน เป็นอะไรรึเปล่า"
แม้จะเจ็บปวดที่หลังและศีรษะ ฉันก็ได้ยินน้ำเสียงเป็นห่วงของเควิน "ไม่เป็นไร" ฉันพยายามตอบให้เขาเบาใจ เขาพ่นลมหายใจ
"ทำไมแกต้องห่วงมันขนาดนั้นด้วย" รูธถามอย่างไม่อยากเชื่อ
จอร์แดน—ซึ่งยังคงจ้องเธออยู่—ตวาด "เควิน พารูธไปให้พ้นจากตรงนี้ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน"
เควินรีบทำตามที่จอร์แดนสั่ง เขาคว้าแขนรูธแล้วเริ่มลากเธอออกไป
"แต่ จอร์ดี้—" รูธเริ่มประท้วง แต่จอร์แดนพูดตัดบท
"ชื่อ. ฉัน. คือ. จอร์แดน! และถ้าแกดูถูกหรือพยายามทำร้ายเรนอีก จะต้องเจอดีแน่!" จากนั้น เขาก็มองไปยังฝูงชนที่มุงดูฉันอยู่ แล้วตวาด "พวกแกจะยืนอ้าปากค้างเป็นไอ้โง่อยู่ตรงนี้ทำไม ไปกิน ไปดื่ม ไปสนุกกันสิ!"
ฝูงชนสลายตัวไป เหลือเพียงฉันอยู่กับจอร์แดนตามลำพัง
เขาโกรธ... เพื่อฉัน แต่ทำไมล่ะ
จอร์แดนย่อตัวลงช่วยพยุงฉันนั่ง หลังจากสำรวจแผ่นหลังฉันคร่าวๆ เขาก็สบถออกมาหลายคำ "ไม่มีอะไรเสียหายถาวร แต่หมอต้องดึงเศษแก้วทั้งหมดที่ปักอยู่ในเนื้อเธอออก" เขามองไปรอบๆ "ทำไมวิเวียนาถึงยังไม่มา"
วิเวียนาคือชื่อหมอประจำฝูง ครั้งสุดท้ายที่ฉันไปหาเธอคือตอนอายุสิบขวบ หลังจากนั้น... ฉันก็ไม่ได้รับอนุญาตอีก
หมาป่าชายอีกคนเดินเข้ามาหาเรา แวบหนึ่งฉันคิดว่าเป็นคุณสมิธ จนกระทั่งกลิ่นมะนาวเปรี้ยวฉุนแตะจมูก ลมหายใจฉันก็สะดุด
"กลับไปที่งานเลี้ยงเถอะ ลูกพ่อ" อัลฟ่าเบนพูด ฉันคว้ามือจอร์แดนไว้เพราะไม่อยากให้เขาไป "พ่อจะดูแลเรนเอง"
ฉันรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่กำลังก่อตัว และกะพริบตาถี่ๆ ไม่อยากจะร้องไห้ ซาเฟียครางหงิงเบาๆ เธอก็เคยตกเป็นเป้าการทารุณของอัลฟ่าเบนเช่นกัน มิคลอส หมาป่าของเขา มักจะไล่ล่าซาเฟียไปทั่วป่า ทำร้ายเธอทุกครั้งที่ตามทัน
"ผมดูแลเธอเอง" จอร์แดนบอกพ่อของเขา
ฉันโล่งใจ โล่งใจที่จอร์แดนไม่ทิ้งฉันไว้กับสัตว์ประหลาด กับพ่อของเขา แม้จะไม่มีใครรู้ว่าอัลฟ่าเบนทำอะไรกับฉันมานานหลายปี แต่ฉันไม่มีวันลืม หลายคืนฉันสะดุ้งตื่นเพราะกลัวว่าเขาแอบเข้ามาในห้อง ครั้งหนึ่งเขาเกือบทำสำเร็จ แต่แดนกับวิคเตอร์ซึ่งยังไม่นอนเกือบมาเจอเข้า ตั้งแต่นั้นมา เขาก็อยู่ห่างจากห้องฉัน
"แต่นี่มันวันเกิดลูกนะ ลูกควรจะไปคุยกับแขก ไปเจอสาวๆ คนใหม่ๆ" อัลฟ่าเบนพยายามเกลี้ยกล่อมจอร์แดน
ชายคนหนึ่งกับหญิงคนหนึ่งที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อนปรากฏตัวขึ้นด้านหลังอัลฟ่าเบน
"ผมบอกแล้วไงว่าจะดูแลเรน! เธอเป็นแขกในงานเลี้ยงของผม และมันเป็นหน้าที่ผมที่ต้องดูแลเธอ ในเมื่อสมาชิกฝูงของเราคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอแท้ๆ จงใจผลักเธอ!" จอร์แดนตะโกน
ซาเฟียส่งความรู้สึกมาบอกฉันว่าอัลฟ่าเบนตกใจกับปฏิกิริยาของจอร์แดน ฉันไม่แน่ใจว่าจอร์แดนรู้ตัวหรือไม่ เพราะเขากำลังยุ่งอยู่กับการช่วยพยุงฉันยืน ซาเฟียช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกอยู่ "ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมวิเวียนายังไม่มาถึงนี่! มัวทำอะไรอยู่" น้ำเสียงของจอร์แดนทำให้ฉันคิดว่าเขาเป็นห่วงฉัน
"เธอเป็นอย่างไรบ้าง" หญิงคนนั้นถาม
"เธอไม่ค่อยดี" จอร์แดนตอบ
"มีอะไรให้ข้าช่วยได้หรือไม่"
จอร์แดนบีบสันจมูก "ถึงแม้ข้าจะขอบใจท่านที่มางานคืนนี้ เจ้าหญิงวัลยา แต่เรนเป็นความรับผิดชอบของข้า เธอ... เป็นของข้า ตอนนี้กลับไปที่งานเลี้ยง สนุกให้เต็มที่ และพบปะผู้คนใหม่ๆ เถอะ"
โอ้โห เจ้าหญิง เจ้าหญิงมนุษย์หมาป่าตัวจริงเสียงจริงอยู่ในงานเลี้ยง แล้วจอร์แดนกำลังทิ้งเธอเพื่อฉันเนี่ยนะ เขาหัวฟาดพื้นหรือยังไงกัน
กลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนของอัลฟ่าเบนเปลี่ยนไป บอกให้ฉันรู้ว่าเขา... ไม่พอใจบางอย่าง ตราบใดที่ฉันอยู่ห่างจากเขา ฉันไม่สนหรอกว่าเขารู้สึกอย่างไร
"อ้อ" เจ้าหญิงวัลยาเอ่ย
"เดินไหวไหม" จอร์แดนถามฉัน
ขาฉันสั่นเพราะความตกใจ แต่เมื่อความเจ็บปวดถูกบรรเทาไปแล้ว ฉันมั่นใจว่าเดินได้ "คิดว่าไหว" ฉันบอกเขา
"ดี เพราะฉันต้องพาเธอไปคลินิก ฉันอยากจะอุ้มเธอไปนะ แต่กลัวว่าจะทำให้อาการบาดเจ็บของเธอยิ่งแย่ลง"
ด้วยความช่วยเหลือของจอร์แดน ฉันออกจากงานเลี้ยงไป ฉันรู้สึกได้ถึงสายตาของอัลฟ่าเบนที่มองตามแผ่นหลัง กลิ่นมะนาวเปรี้ยวของเขาแสบจมูกจนแทบหายใจไม่ออก แต่การมีจอร์แดนอยู่ข้างๆ ช่วยให้ฉันสงบลงได้ กลิ่นส้มของเขาทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย