




บทที่หนึ่ง
แคลร์
แคลร์ตื่นขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ปัดผมบลอนด์หยิกฟูออกจากดวงตา แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องนอนของเธอ ลมฤดูใบไม้ผลิอันสดชื่นพัดผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่
เธอกลับมาบ้านพ่อแม่ในช่วงวันหยุดยาว เธอไม่ค่อยได้กลับมาบ่อยนักเพราะวิทยาลัยอยู่ค่อนข้างไกล แต่ครั้งนี้ วันหยุดยาวกว่าปกติ เธอจึงมีเวลาพอที่จะกลับบ้านได้
ล็อกวูดเป็นเมืองเล็กๆ แต่เธอไม่ว่าอะไร เธอรู้ว่าเพื่อนหลายคนแทบรอไม่ไหวที่จะเรียนจบเพื่อจะได้ย้ายไปอยู่ในเมือง แต่ไม่ใช่เธอ
เธออยากลงหลักปักฐานที่นี่ในล็อกวูด ท่ามกลางต้นไม้เขียวขจีและใบหน้าที่คุ้นเคย เธอชอบชีวิตที่เป็นกิจวัตรและคาดเดาได้
การใช้ชีวิตในประเทศที่ถูกครอบงำโดยคนหมาป่านั้นเป็นเรื่องยาก และเมื่อมนุษย์ย้ายออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ ที่นี่ก็กลายเป็นพื้นที่ของคนหมาป่ามากขึ้นทุกที
มนุษย์ส่วนใหญ่มักไม่ถูกรบกวน คนหมาป่าเป็นพวกที่เป็นมิตร อย่างน้อยก็พวกที่อยู่ในบ้านเกิดของเธอ พวกเขาทั้งหมดจึงอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคน และถึงแม้เธอจะรู้ว่าพ่อแม่คงไม่ว่าอะไรหากเธอเลือกที่จะย้ายไปอยู่ในเมืองหรือนอกประเทศ แต่พวกท่านกลับแสดงความดีใจที่เธอเลือกจะอยู่ใกล้ๆ พวกท่านแทน เธอเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่จึงตามใจเธอมาก ทุ่มเทความรักทั้งหมดที่มีให้เธอ
แคลร์ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอน "เข้ามาเลยค่ะ" เธอเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้มงัวเงีย เดาได้อยู่แล้วว่าเป็นใคร
"ไงจ๊ะ ซันไชน์!" เสียงร่าเริงแจ่มใสของแม่ดังขึ้นมาก่อนที่ท่านจะเปิดประตูเสียอีก
ดวงตาอ่อนโยนของจูเลียเป็นประกายขึ้นเมื่อเห็นลูกสาว ตั้งแต่วันที่เธอเกิดมา เธอก็เป็นเด็กน้อยที่น่ารักเหลือเกิน ทั้งใจดีและสดใส แม่จึงเรียกเธอว่า 'ซันไชน์ของแม่' และชื่อเล่นนี้ก็ติดปากไปเลย
แคลร์ไม่ว่าอะไรกับชื่อเล่นนี้ เธอมีความสุขตราบใดที่แม่มีความสุข
"หลับสบายไหมลูก?" จูเลียถาม พลางก้าวเข้ามาอย่างระมัดระวัง
นี่เป็นคืนแรกของเธอในบ้านหลังจากไม่ได้กลับมานานกว่าหนึ่งปี เธอเข้าใจความเป็นห่วงของแม่ดี
"ค่ะ" แคลร์ตอบพลางลุกขึ้นนั่ง "เหมือนเดิมเลยค่ะ หนูไม่เคยหลับสบายเท่านี้มาก่อนเลย"
"ดีเลย แม่มาตามไปกินข้าวเช้าจ้ะ ล้างหน้าล้างตาแล้วลงมานะ" จูเลียแจ้ง พลางปัดผมออกจากใบหน้าลูกสาว ดวงตาสีเขียวที่คุ้นเคยจ้องมองออกมาจากใบหน้าน่ารักของเธอ "แม่ของเรเชลโทรมาบอกว่าเรเชลก็กลับมาเหมือนกันนะ ลูกน่าจะแวะไปหาเขาสักหน่อย" ท่านเสริมขณะกำลังเดินออกไป
อารมณ์ของแคลร์ดีขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินข่าวนี้ เรเชลเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนที่วิทยาลัยจะทำให้พวกเขาห่างกันไป เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเจอเพื่อนอีกครั้ง มันผ่านมาสองสามปีแล้ว
เธอเก็บที่นอนขณะใจลอยไปเรื่องอื่น เธอถึงบ้านดึกเมื่อคืน เลยมีโอกาสแค่กินข้าวเย็นและคุยกับพ่อแม่เท่านั้น เธออยากจะออกไปสำรวจเมือง มีบางอย่างที่เธอรู้ว่าเปลี่ยนไป และคงจะดีถ้ามีใครสักคนไปเป็นเพื่อนด้วย
แคลร์แปรงฟันและอาบน้ำ สวมสเวตเตอร์สีเขียวอ่อนที่ขับเน้นดวงตาของเธอและกางเกงยีนส์สีดำ
ตอนนั้นเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้หลายต้นเป็นพันธุ์ไม่ผลัดใบจึงไม่ได้ดูโล่งเตียน แต่มันก็ยังค่อนข้างหนาว ไม่ต้องพูดถึงว่าล็อกวูดนั้นอากาศค่อนข้างเย็นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของปีก็ตาม
เธอลงไปทานอาหารเช้าทันเวลาพอดีที่จะได้บอกลาพ่อซึ่งกำลังจะออกไปทำงาน เธอกินอาหารที่แม่เตรียมไว้ให้แทบไม่หมด ความตื่นเต้นแล่นพล่านในตัวเธอ ทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวาย
"เอาล่ะ ไปได้แล้วลูก" ในที่สุดจูเลียก็ยอมเมื่อเห็นว่าลูกสาวอยู่ไม่สุขขนาดไหน
"ขอบคุณค่ะแม่!" แคลร์กระโดดลงจากเก้าอี้ทานอาหาร ตรงดิ่งไปยังประตูหน้าทันที
จูเลียส่ายหน้า แคลร์อายุยี่สิบเอ็ดแล้วแต่แทบไม่ทำตัวสมวัยเลย เธอมักจะมีความกระตือรือร้นเหมือนเด็กๆ เสมอ ซึ่งทำให้เธอดูเด็กมาก จูเลียหวังว่าโลกนี้จะไม่พรากสิ่งนั้นไปจากเธอ
แคลร์เข็นจักรยานยนต์คู่ใจออกจากโรงรถ พ่อของเธอน่ารักมากที่คอยดูแลหยอดน้ำมันและรักษาสภาพมันไว้อย่างดี เธอบิดคันเร่ง และเครื่องยนต์ที่ทนทานก็ตอบสนองอย่างกระตือรือร้น มันครางเสียงนุ่มนวลขณะที่เธอขึ้นคร่อมเพื่อเริ่มการเดินทาง
ล็อกวูดไม่ใช่เมืองเดียวแถวนั้น ยังมีเมืองอื่นๆ รอบซิลเวอร์ฟอลล์ซิตี้ ถึงแม้ว่าเมืองเหล่านั้นจะใหญ่กว่าล็อกวูดมากก็ตาม
กรีนเบย์เป็นเมืองถัดจากล็อกวูด คุณต้องผ่านเมืองนี้ไปเพื่อไปยังตัวเมืองใหญ่ มันเป็นเมืองของคนหมาป่าโดยสมบูรณ์ ที่ซึ่งมนุษย์ทั้งหมดได้ย้ายออกไปนานแล้ว
แคลร์ขี่ไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยชวนให้คิดถึงอดีต พลางเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย
ปกติแล้ว เวลาเธอขับรถไปไหนมาไหน เธอจะโบกมือทักทายเพื่อนบ้านที่รู้จักกันมานาน พวกผู้ใหญ่ก็จะถามไถ่ถึงพ่อแม่ของเธอ แต่ตอนนี้ทุกคนกลับเบือนหน้าหนีเธอ เธอรู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังจ้องมอง แต่พอเธอเหลือบไปมอง พวกเขาก็หลบตา
แคลร์รู้สึกเย็นวาบไปทั่วผิวหนัง เธอไม่โทษมนุษย์ที่ย้ายออกไปหรอก หากพวกเขาต้องเจอการปฏิบัติเช่นนี้เพียงเพราะแตกต่าง ก็คงดีกว่าที่จะเก็บข้าวของแล้วจากไป รวบรวมสติได้แล้ว เธอก็มุ่งหน้าต่อไปยังบ้านของเรเชล
เรเชลก็เป็นคนหมาป่าเช่นกัน แต่เธอรู้จักเรเชลและครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก และพวกเขาไม่เหมือนพวกคนหมาป่าหน้าใหม่ในเมืองเลย
อันที่จริง ตอนที่เธอโตมาก็มีคนหมาป่าอยู่มากมาย การที่คนหมาป่าอยู่ร่วมกับมนุษย์นั้นเป็นเรื่องปกติเหมือนกลางวันกับกลางคืน
แน่นอนว่ามีหลายสิ่งที่คนหมาป่าทำได้แต่มนุษย์ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ และนั่นก็ไม่เป็นไร มนุษย์ไม่ได้ต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ พวกเขาแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในเมืองเกิดของตนเองเท่านั้น
ความโล่งใจของเธอเพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็นหลังคาบ้านของเรเชลอยู่ไกลๆ เธอแค่ต้องเลี้ยวหัวมุมสุดท้ายอีกครั้งก็จะถึงแล้ว
บ้านหลังนั้นยังคงเหมือนเดิมเสมอ มีสนามหญ้ากว้างขวางน่ามองล้อมรอบตัวบ้านที่สวยงามราวกับภาพวาด บ้านสีขาวหลังคาสีแดงเพิ่งทาสีใหม่ กลิ่นสีผสมกับกลิ่นหญ้าที่เพิ่งตัดใหม่ๆ
แคลร์จอดจักรยานยนต์ไว้ข้างทาง ลงจากรถแล้วเดินไปตามทางเดินปูหิน ตรงไปยังประตูหน้า