




ภัยพิบัติในช่วงกลางวัน
เมดิสัน
เจ้าหน้าที่เฮอร์นันเดซมองฉันอย่างสงสาร “ผมเสียใจด้วยนะครับ คุณมอร์แกน แต่มันเป็นกฎหมาย ถ้าเป็นผมนะ ผมจะไปที่ลานเก็บรถแล้วก็เซ็นเอกสารยกให้เอารถไปขายเป็นเศษเหล็กเลย สภาพแบบนั้นคุณน่าจะได้สัก 500 ดอลลาร์สบายๆ”
“ขอบคุณค่ะ คงงั้นมั้ง” ฉันพูดขณะพับใบสั่งใหม่เอี่ยมใส่กระเป๋า
“นี่ เราไม่ควรทำแบบนี้นะครับ แต่จะให้เราไปส่งที่ไหนไหม”
ฉันถลึงตาใส่เขา “ไม่ค่ะ ฉันจะเดินไป”
เขาถอนหายใจ “ก็ได้ครับ งั้นก็ระวังตัวด้วยนะ”
ฉันมองตามรถตำรวจและรถลากที่บรรทุกรถของฉันออกไปจากลานจอดรถ ให้ตายสิ แล้วทีนี้ฉันจะทำยังไงดีล่ะ ฉันพึมพำกับตัวเองตลอดทางที่เดินสามช่วงตึกสุดท้ายไปยังร้านอาหาร ทันทีที่เลี้ยวตรงหัวมุม ฉันก็สบถเสียงดัง โจอี้กำลังเดินไปเดินมาอยู่หน้าร้าน เห็นได้ชัดว่ารอฉันอยู่ พอเขาเห็นฉันลังเลอยู่ที่ทางเข้าลานจอดรถ เขาก็รีบตรงเข้ามาหา
“ขอโทษที่มาช้า” ฉันพึมพำ
เขาดึงฉันเข้าไปกอด ”โอ้ พระเจ้า แมดดี้ ผมเป็นห่วงแทบแย่ คุณไปไหนมา รถคุณล่ะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณไม่โกรธเหรอที่ฉันมาช้า”
“ไม่เลย! ผมดีใจที่คุณไม่เป็นไร ผมพยายามโทรหาคุณสี่ครั้ง คุณไม่รับสาย ผมนึกว่าเกิดเรื่องอะไรกับคุณซะอีก!”
ฉันปล่อยโฮออกมา “ฉันไม่โอเค” ฉันสะอื้นพลางโผเข้ากอดคอเขา
เขาลูบหลังฉัน “เกิดอะไรขึ้น ที่รัก มีใครทำอะไรคุณรึเปล่า”
“ลูลู่ตายแล้ว แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งพยายามจะย้ายรถ แล้วตำรวจก็มา แล้วก็—”
“อะไรนะ ใครคือลูลู่ เขาแตะต้องตัวคุณรึเปล่า” เขาตะโกน
“ลูลู่คือรถของฉัน” ฉันสะอื้น “ตอนที่ฉันพยายามจะออกรถจากไฟแดง ไฟเตือนน้ำมันเครื่องก็ติดขึ้นมา แล้วมันก็ดับกลางถนนก่อนที่ฉันจะทันได้จอดข้างทาง แล้วผู้ชายคนนี้ก็พยายามช่วยฉันย้ายรถ แล้วตำรวจก็โผล่มาก่อนที่ฉันจะคิดออกว่าจะทำยังไง แล้วพวกเขาก็ลากรถไป แล้วฉันก็ได้ใบสั่ง แล้วฉันก็เดินมา แล้วตอนนี้คุณก็คงคิดว่าฉันมันไม่ได้เรื่อง”
ฉันเกลียดการร้องไห้ แต่ฉันสับสนวุ่นวายกับทุกอย่างจนอดไม่ได้ เขาให้ฉันซบหน้ากับอกเขาขณะที่เขายังคงลูบหลังปลอบโยนฉัน
“ชู่ว์ ที่รักของผม ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเราจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย โอเคไหม ผมสัญญา เราจะทำได้แน่ ไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังนะ”
“ฉะ-ฉันขอโทษ” ฉันสูดจมูก “ฉันน่าจะดูแลรถให้ดีกว่านี้ เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
“ผมแน่ใจว่าคุณทำดีที่สุดแล้ว”
“แต่มันไม่เคยดีพอเลย” ฉันกระซิบขณะที่เขาประคองฉันไปทางร้านอาหาร
เขาหยุดแล้วหันตัวฉันมาหาเขา เชยคางฉันขึ้นก่อนจะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้เบาๆ “ฟังผมนะ แมดดี้ คุณเป็นคนดูแลข้าวของตัวเองมาตลอด มันไม่ใช่ความผิดของคุณที่แม่ของคุณเข้ามาขัดขวางความสามารถในการทำแบบนั้น ตอนนี้คุณมีงานทำแล้ว งานที่เธอทำให้ตกอยู่ในความเสี่ยงไม่ได้ คุณกลับมาบ้านแล้ว ความจริงปรากฏแล้ว และผมจะไม่ยอมให้คุณกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีก มันก็แค่รถคันหนึ่ง มันก็แค่ใบสั่ง ใช่ เรื่องพวกนี้มันน่าหงุดหงิด แต่คุณคือเมดิสัน มอร์แกน คุณมีความสามารถแค่ปลายเล็บก้อยก็มากกว่าที่คนส่วนใหญ่มีทั้งตัวแล้ว ตอนนี้ ผมอยากให้คุณหายใจลึกๆ แล้วทานมื้อเที่ยงกับผมอย่างมีความสุข โอเคไหม”
ฉันสูดจมูกอีกครั้งขณะพยักหน้า “โอเคค่ะ”
“เด็กดี มาเถอะ”
เขาโอบไหล่ฉันขณะที่เราเดินเข้าไป พอฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เทอร์รี่ก็ยิ้มให้ฉัน
“เมดิสัน ไม่ได้มาที่นี่นานเลยนะ”
ฉันหน้าแดง “คุณนายลินด์เฮิร์สต์ ฉันแปลกใจที่คุณยังไม่เกษียณอีกค่ะ”
สามีของเธอออกมาจากครัว ยิ้มกว้าง “เทอร์รี่ไม่มีวันเกษียณหรอก ว่าไงจ๊ะ ที่รัก”
ฉันรีบเข้าไปกอดพวกเขาทั้งสองคน สมัยที่พวกเราเคยมาที่นี่กันเป็นครอบครัว คุณและคุณนายลินด์เฮิร์สต์มักจะให้ของพิเศษฉันฟรีๆ บางทีก็เป็นชีสเพิ่มบนแฮชบราวน์ บางทีก็เป็นวิปครีมบนของหวาน ทันทีที่พวกเขาปล่อยฉัน โจอี้ก็ดึงฉันกลับมาข้างตัวเขา
“เอาเหมือนเดิมไหมจ๊ะ เมดิสัน” เทอร์รี่ถาม
“เอาค่ะ คุณทำมันอบทรงเครื่องอร่อยที่สุดเลยค่ะ!”
“แล้วคุณมอร์แกนล่ะคะ”
“ขอแค่คลับแซนด์วิชไก่งวงกับกาแฟแก้วหนึ่งครับ”
ฉันชำเลืองมองเขา เม้มปาก “ฉันว่าคุณน่าจะสั่งอะไรที่มันสนุกกว่านี้นะ”
“สนุกเหรอ นี่มันมื้อเที่ยงนะ ไม่ใช่งานปาร์ตี้”
ฉันขมวดคิ้วใส่เขา “ก็ได้ค่ะ…”
เขามองฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ “บางทีผมอาจจะเอาเชคด้วยก็ได้…”
ตาฉันเป็นประกาย “ให้ฉันสั่งให้ไหมคะ”
เขามองฉันอย่างเคลือบแคลงก่อนจะพยักหน้า ฉันโบกมือไล่เขาไปก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้เทอร์รี่แล้วลดเสียงลง
“ได้โปรด ทำมินต์ช็อกโกแลตเชคใส่เบคอนชิ้นเล็กๆ ให้เขาทีนะคะ แล้วก็ใส่วิปครีมเยอะๆ ราดคาราเมล ไม่เอาเกล็ดน้ำตาล แล้วก็ใส่เชอร์รี่ข้างบนด้วยค่ะ อ้อ แล้วก็ช่วยเอาแซนด์วิชไก่ทอดใส่มะเขือเทศ สวิสชีส แตงกวาดอง แล้วก็หัวหอมมาให้เขาด้วยได้ไหมคะ ขอเครื่องปรุงแยกต่างหากนะคะ อ้อ อีกอย่าง แทนที่จะเป็นเฟรนช์ฟรายส์ ขอเป็นมักกะโรนีชีสกับบรอกโคลีเป็นเครื่องเคียงแทนได้ไหมคะ”
เธอยิ้มกว้างให้ฉัน “จัดให้เลยจ้ะ”
ฉันเดินกึ่งกระโดดไปที่โต๊ะแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามเขา
“สั่งอะไรให้ผมเหรอ”
“เซอร์ไพรส์ค่ะ การประชุมเป็นไงบ้างคะ”
“วันนี้ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย จริงๆ แล้วผมค่อนข้างท้อใจมาก”
“เสียใจด้วยนะคะ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้บ้างไหม”
สายตาเขาจับจ้องไปที่ริมฝีปากฉัน และฉันก็กลืนน้ำลาย “ไม่ล่ะ เดี๋ยวผมค่อยผ่อนคลายทีหลัง”
ร่างกายฉันร้อนวูบวาบจนต้องนั่งไขว่ห้าง พระเจ้า ทำไมฉันไม่เคยสังเกตเลยนะว่าตาเขาสีเขียวสวยขนาดนี้ หรือว่าท่อนแขนหนาๆ ของเขามันทำให้เนื้อผ้าเสื้อเชิ้ตตึงเปรี๊ยะได้ขนาดนั้น
“หนูหวังว่าอย่างนั้นนะคะ แด๊ดดี้ทำงานหนักมากเลย”
สายตาเขาเหลือบมองริมฝีปากฉันอีกครั้งแวบหนึ่ง “แมดดี้…”
ฉันยิ้มให้เทอร์รี่ขณะที่เธอเริ่มเดินมาทางโต๊ะเราพร้อมถาดที่เต็มไปด้วยอาหาร เธอวางจานต่างๆ ลง และฉันก็น้ำลายสอเมื่อเห็นมันอบที่ยัดไส้ไก่ฉีก เบคอน เนย ชีส ต้นหอมจีนสับ และกระเทียมสับ เสิร์ฟพร้อมพาสต้าซอสมารินาราเป็นเครื่องเคียง พอเธอเดินจากโต๊ะไป โจอี้ก็หรี่ตามองฉัน
“นี่มันอะไรกัน”
“อาหารกับเครื่องดื่มเชคไงคะ”
เขาคราง “นี่มันเยอะมากเลยนะ”
ฉันถอนหายใจ “ชิมดูก่อนสิคะ หนูจำได้ว่าเคยมีครั้งนึงที่คุณพยายามจะสั่งแซนด์วิชนี่ แล้วแม่ก็เทศน์คุณเรื่องกินของทอด คุณก็เลยไม่เคยพยายามสั่งมันอีกเลย แม่ไม่ได้อยู่ที่นี่นะคะ ใช้ชีวิตให้มันสุดเหวี่ยงหน่อยสิ”
เขาลั งเลก่อนจะหยิบแซนด์วิชที่ฉันสั่งให้ขึ้นมา เขากำลังจะกัดมันตอนที่ฉันโน้มตัวข้ามโต๊ะไปหยิบมันมาจากมือเขา ฉันรีบทามายองเนสบางๆ ก่อนจะใส่ซอสมะเขือเทศเยอะๆ กับมัสตาร์ดอีกนิดหน่อย ฉันประกบมันกลับเข้าด้วยกันแล้วยื่นคืนให้เขา
“เอาล่ะ ทีนี้ก็สมบูรณ์แบบสำหรับคุณแล้ว”
เขามองฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดคำใหญ่ เขาหลับตาลงขณะเคี้ยวมันช้าๆ
“โอ้ นี่มันอร่อยมากเลย”
ฉันหัวเราะคิกคัก “แน่นอนอยู่แล้วค่ะ หนูนี่รู้ใจคุณที่สุด”
เขาชะงักไปก่อนจะกัดอีกคำ “งั้นเหรอ”
ฉันพยักหน้า “หนูรู้ว่าสีโปรดของคุณคือสีน้ำเงินรอยัลบลู”
“แน่ใจเหรอ”
ฉันพยักหน้า “ผ้าปูที่นอนของคุณสีนั้น ชุดสูทของคุณ 90% ก็สีนั้นเหมือนกัน แล้วผ้าเช็ดตัวทั้งหมดก็เป็นสีน้ำเงินเดียวกันด้วย ผ้าคลุมบนพนักโซฟาของคุณก็สีรอยัลบลู”
“หืม แล้วรู้อะไรเกี่ยวกับผมอีกบ้าง”
“สัตว์ที่คุณชอบที่สุดคือกบ”
“ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ บนชั้นหนังสือในห้องทำงานของคุณ ที่คั่นหนังสือของคุณเป็นรูปกบตัวเล็กๆ ภาพพื้นหลังคอมพิวเตอร์ของคุณก็มีกบว่ายน้ำอยู่ในบ่อ แล้วปากกาในกระเป๋าเสื้อคุณก็มีลายกบด้วย”
“มีอะไรอีกไหม”
“เยอะแยะเลยค่ะ อยากให้หนูบอกเลขนำโชคของคุณไหม หรืออยากให้บอกเกี่ยวกับหนังสือเล่มโปรดของคุณดี หรือบางทีคุณอาจจะอยากให้หนูบอกว่าคุณชอบเคาะนิ้วเวลาตื่นเต้น”
“คุณสังเกตทุกอย่างเกี่ยวกับผมเลยเหรอ” เขาถาม
ฉันหน้าแดงก่ำ มองไปรอบๆ ก่อนจะพยักหน้า “หนูเคยแอบชอบคุณก่อนที่หนูจะไป” เขายิ้มให้ฉัน ทำให้ฉันหน้ายิ่งแดงขึ้นไปอีก “หนูเคยเป็นเด็กดีของแด๊ดดี้”
“แล้วตอนนี้ล่ะ” เขาถามเบาๆ
“ตอนนี้ หนูเป็นสลัตตัวน้อยของแด๊ดดี้”
เขาส่ายหน้า หัวเราะเบาๆ “ผมจะทำยังไงกับคุณดีนะ แมดดี้”
“ทำทุกอย่างเลยค่ะ ถ้าเป็นไปได้”
“ทีนี้ ใครกันแน่ที่กำลังจีบ”
“ออกไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ แล้วหนูจะแสดงให้ดูว่าการจีบเป็นยังไง”
เขาสำลักเชคเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้น “เช็คบิลด้วยครับ”
เขาเก็บอาหารของเราอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเดินไปจ่ายเงินที่เทอร์รี่ ฉันส่ายหัวให้เขาขณะที่เขาจ่ายเงินอย่างกระตือรือร้นก่อนจะแทบจะลากฉันออกจากร้านอาหาร
“ผมมีประชุมในอีก 10 นาที เร็วเข้า แมดดี้”
ฉันเพิ่งปิดประตูรถได้ไม่ทันไร เขาก็เร่งเครื่องออกจากลานจอดรถ ตัวฉันถลาไปข้างหน้า
“ช้าลงหน่อย!” ฉันร้อง “คุณจะพาเราไปตายนะ”
เขากลอกตาขณะเลี้ยวเข้าถนนที่เปลี่ยวร้าง เขามองฉันแวบหนึ่งขณะชะลอความเร็วลง
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะเรื่องจะแสดงให้ผมดูว่าการจีบเป็นยังไง”
ฉันหัวเราะคิกคัก “คนบ้า” ฉันพูดอย่างเอ็นดูขณะโน้มตัวไปบนตักเขาเพื่อลูบคลำเป้ากางเกงเขา
เขาครางออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไรขณะที่ฉันรูดซิปกางเกงเขาลงเพื่อดึงเจ้าโลกของเขาออกมาผ่านช่องเล็กๆ ที่มีประโยชน์ตรงเป้าบ็อกเซอร์ของผู้ชายนั่น