




2- ความหลงผิด
อะไรนะ! ทำไมล่ะ? ฉันพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่แสดงอาการตื่นตระหนกออกมาให้เห็นมากเกินไป
เป็นเพราะข้อความพวกนั้นเหรอ? เป็นเพราะสิ่งที่ฉันพูด? หรือสิ่งที่ฉันทำ? ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัวว่าทำไมเขาถึงอยากเลิกกัน
เขาวางมือลงบนมือฉันเบาๆ ทำให้ฉันสงบลงได้นิดหน่อย “ที่รัก” คำเรียกขานนั้นทำให้รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง
“ฤดูผสมพันธุ์จะเริ่มในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า และฉันคือผู้สืบทอดลำดับต่อไป ถ้าพวกหมาป่าพเนจรหรือสายลับรู้ระแคะระคายว่าเธอเป็นคู่แท้ของฉัน เธออาจตกอยู่ในอันตรายได้ ฉันเลยคิดว่าแบบนี้ดีที่สุดสำหรับตอนนี้”
ฉันพยักหน้า
ถ้าเขาจะประกาศว่าฉันเป็นคู่แท้ของเขาในช่วงฤดูผสมพันธุ์ มันก็จะปลอดภัยเพราะถึงตอนนั้นเขาจะได้เป็นอัลฟ่าแล้ว การลักพาตัวคู่แท้ของเขาจะถือเป็นการประกาศสงคราม แต่ถ้าเขาจะอ้างสิทธิ์ในตัวฉันก่อนเวลานั้น เขาก็ไม่สามารถปกป้องฉันได้อย่างเต็มที่
“ก็ได้ แต่ฉันไม่ชอบเลย” ฉันพึมพำอย่างเศร้าๆ
“ขอบใจนะ ที่รัก” เขากอดฉันแน่น กอดนั้นนานกว่าปกติที่ควรจะเป็น
“ที่รัก?” ฉันแตะตัวเขา หัวเราะแห้งๆ “ใครเห็นคงคิดว่านายกำลังพยายามจะหนีไปไหนสักแห่งด้วยท่ากอดแบบนี้นะ” ฉันพูดติดตลก แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจมุก
“ฉันจะไม่ได้อยู่กับเธอในช่วงสองสามสัปดาห์นี้ ดูแลตัวเองดีๆ นะ เราคงไม่อยากให้เธอป่วยในวันเลือกคู่หรอก”
ฉันยิ้มและจุ๊บแก้มเขาเบาๆ
เราพยายามอย่างที่สุดที่จะเก็บเนื้อเก็บตัวไว้รอจนกว่าเราจะได้ผูกพันธะคู่แท้ แต่มันก็ยาก เราจึงพยายามไม่ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง
“อยากค้างที่นี่ไหมคืนนี้?” ฉันเอ่ยชวนทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบของเขาจะเป็นอย่างไร
“เธอก็รู้ว่าฉันทำไม่ได้ ที่รัก” ฉันถอนหายใจ ตั้งแต่เด็ก มีสิ่งหนึ่งที่ฉันเฝ้าฝันถึงมาตลอด นั่นคือคู่แท้ของฉัน
ฉันหมกมุ่นกับความคิดเรื่องการมีคู่แท้มากเสียจนวันหนึ่ง หมอประจำฝูงบอกฉันว่าบางคนไม่มีวันได้เจอคู่แท้ของตัวเองในชาตินี้ แล้วฉันก็ร้องไห้ ร้องไห้ทั้งวันเลย
“ก็ได้! แต่แค่เพราะเราไม่ได้คุยกันแล้ว ไม่ได้หมายความว่านายจะเมินฉันได้นะ นายยังต้องคุยกับฉันอยู่ดี”
สีหน้าของเขาบอกฉันว่าเขาคิดไปอีกอย่าง แต่ฉันไม่ยอมเด็ดขาด ฉันจะเห็นแก่ตัวหน่อย ถ้าเขาคุยกับฉันตลอดเวลาไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็ควรคุยกับฉันตอนไม่มีใครมอง
“ก็ได้” เขาสัมผัสแก้มฉัน มองมันราวกับเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก “ฉันรอแทบไม่ไหวแล้วที่เธอจะได้ร่างหมาป่าของเธอ เราจะได้คุยกันผ่านการเชื่อมจิตได้มากเท่าที่เราต้องการ ไม่มีขีดจำกัด”
ฉันยิ้มให้เขาแม้ว่าความคิดนั้นจะทำให้ฉันอยากร้องไห้ในใจก็ตาม
คนส่วนใหญ่จะได้ร่างหมาป่าตอนอายุสิบสาม บางคนก็ได้เร็วกว่านั้น แต่ในทางกลับกัน ก็มีฉันนี่แหละ เราไปหาหมอประจำฝูงซึ่งอธิบายว่าฉันเป็นหมาป่าประเภทพิเศษ หมาป่าที่มีอำนาจน้อยกว่าจะถูกปลุกให้ตื่นได้โดยหมาป่าที่มีอำนาจเหนือกว่าเท่านั้น
มันฟังดูงี่เง่า แต่นั่นคือลักษณะหมาป่าของฉัน และฉันก็ทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้
“รู้อะไรไหม พอฉันเชื่อมจิตได้เมื่อไหร่ ฉันจะเป็นตัวป่วนที่สุดของนายเลยคอยดู” ฉันยิ้มให้เขาอย่างเจ้าเล่ห์
คราวนี้เขาหัวเราะออกมาจริงๆ
ฉันหาวออกมาและดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็น “เธอต้องพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน” เขาขยับเข้ามาใกล้ฉันเล็กน้อย ทำให้ฉันได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา แล้วจูบหน้าผากฉัน
“ฝันดีนะ แบมบี้” เขาพูดแล้วจากไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นโคโลญจน์ของเขา และแน่นอน ส่วนหนึ่งของหัวใจฉัน
ฉันตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นพร้อมกับหัวใจที่หนักอึ้ง ฉันคิดถึงเขาแล้ว
“คิดถึงไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนนี้ ตั้งตารออีกสามสัปดาห์ข้างหน้าดีกว่า” ฉันบอกตัวเอง
มันรู้สึกเหมือนอกหัก แต่ฉันรู้ดีกว่านั้น
เคเดนหวาดระแวงกับเรื่องพวกนี้ พ่อแม่ของเขาผูกพันธะคู่แท้กันก่อนฤดูผสมพันธุ์ และแม่ของเขาก็ถูกลักพาตัวไปตอนที่เธอกำลังท้องเขาอยู่
ดังนั้นฉันจึงเข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงหวาดระแวงขนาดนั้น
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรหาซาแมนธา เพื่อนสนิทของฉัน “นี่” ฉันเรียกหลังจากเธอรับสายหลังเสียงเรียกครั้งที่สาม
“มีอะไร!” เธอตวาดอย่างฉุนเฉียว
ฉันกลอกตา ชินกับนิสัยของยัยนี่แล้ว เธอไม่ใช่คนตื่นเช้าเลยสักนิด หรือจะเรียกว่าเกลียดตอนเช้าเป็นที่สุดก็ได้
“ฉันกำลังคิดว่า วันนี้ขอไปกับแกได้ไหม?”
“เออ ไปสิ ทีนี้อย่ามากวนฉัน” เธอพูดแล้ววางสายไป
รู้อยู่แล้วว่ายัยขี้เกียจอย่างยัยนั่น ต้องให้ฉันขับรถแน่ๆ
ฉันเดินลงบันได พร้อมให้สัปดาห์ที่เหลือผ่านพ้นไปเสียที
**
สัปดาห์ที่สองมันนรกชัดๆ
ฉันได้เจอเคเดนน้อยลง และเขาก็ยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวันเวลาผ่านไป
“นี่ ได้ยินข่าวยัง? ลูกสาวอัลฟ่าจากฝูงข้างๆ กำลังจะมาเยี่ยม” ฉันเงยหน้าจากจอไปมองแซมที่ไม่สนใจข้อมูลนั้นเลยสักนิด
“เยี่ยมไปเลยเนอะ” เธอกลอกตา
“แกพูดถูก ทุกอย่างแถวนี้มันน่าเบื่อชะมัด” ฉันพูดพลางเอนหัวไปข้างหลัง “เราแอบไปหาเคเดนกันไหม?” ฉันเสนออย่างร่าเริง
แต่อารมณ์ของเธอเปลี่ยนไปทันที เธอเปลี่ยนจากเบื่อๆ กลายเป็นจริงจังอย่างรวดเร็ว
“ไม่เด็ดขาด!” เธอตวาด
ฉันผงะกับท่าทีของเธอ
“เคเดนสั่งฉันมาโดยเฉพาะเลยนะว่าให้กันเธอออกไปห่างๆ เธอก็รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญกับเขาแค่ไหน”
ฉันถอนหายใจอย่างเศร้าๆ
ต้องบอกเลยว่า ฉันรู้สึกเหมือนว่าเธอดูจะจงใจกันฉันออกจากเขาเป็นพิเศษ
“อีกแค่อาทิตย์เดียว” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเอง
เอริคเดินเข้ามาในห้อง ทักทายเราทั้งคู่
ฉันไม่เคยสนิทกับเขาเลยจริงๆ เขาเป็นเด็กนิสัยไม่ดีตอนเรายังเล็ก และพอโตมาเขาก็ไม่เคยยิ้มเลย คล้ายเคเดนแต่ก็ต่างกันในบางแง่
เราพึมพำตอบกลับไปแล้วก็เงียบไปจนกระทั่งเขาออกไป ด้วยเหตุผลต่างกันไป ส่วนฉันเป็นเพราะมันอึดอัดที่จะคุยกับเขาเนื่องจากฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเขา แต่ส่วนแซมน่ะเหรอ?
ถ้าเขาคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว เธอคงกลัวหัวหดแน่ๆ เธอคลั่งไคล้เขามากกกก
“แกรู้ใช่ไหมว่าเขามีแฟนตัวจริงอยู่แล้ว?” ฉันต้องคอยเตือนเธอ
เอริคกำลังรักอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งจากฝูงข้างๆ เรื่องมันเริ่มตั้งแต่พวกเขาอายุสิบห้า และทุกคนก็พนันกันว่าพวกเขาเป็นคู่แท้กัน
“เหรอ? แต่เดาอะไรสิ!!” เธอพูดอย่างตื่นเต้นสุดขีด “อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้เยอะแยะในหนึ่งสัปดาห์นะยะ” เธอตอบอย่างตื่นเต้น
เธอเอนตัวลงบนเก้าอี้ ยิ้มอยู่กับตัวเอง