Read with BonusRead with Bonus

1

เอวาจอดรถแล้วก้าวลงมา เธออดหาวไม่ได้ขณะหยิบของชำออกจากรถ หลังจากทำงานมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า และตอนนี้ก็เลยสี่ทุ่มไปมากแล้ว เธอก็เหนื่อยล้าเต็มที โรงพยาบาลขาดแคลนพยาบาล และเธอก็ตกลงอยู่ทำงานต่ออีกกะ พวกเขาต้องการเงินเพิ่ม และเอวาก็มักจะรู้สึกไม่ดีกับเพื่อนร่วมงานเสมอหากเธอไม่ยื่นมือเข้าช่วย ไม่ใช่ว่าเธอมีลูกหรือสามีรออยู่ที่บ้านเสียหน่อย

เธอมองไปที่บ้าน คืนนี้มันมืดผิดปกติ โดยปกติแล้วป่านนี้คุณป้ากับคุณลุงของเธอน่าจะนั่งอยู่ในห้องดูทีวี กำลังดูรายการโปรดรายการใดรายการหนึ่งของพวกเขาอยู่ แต่กลับไม่มีแสงไฟวูบวาบเล็ดลอดออกมาจากหน้าต่าง บางทีพวกเขาอาจจะออกไปข้างนอก บางครั้งคุณลุงโจนาสก็พาคุณป้าลอร่าออกไปเที่ยวตอนเย็น เอวาไม่ชอบเวลาที่ทั้งสองคนออกไปข้างนอก พวกเขามักจะกลับมากลางดึกในสภาพเมามายและส่งเสียงดัง คุณป้าลอร่าเป็นพวกเมาแล้วพูดตรง และจะไม่ลังเลที่จะบอกเอวาว่าเธอต้องปรับปรุงตัวเรื่องอะไรบ้าง เรื่องน้ำหนักเป็นประเด็นแรกในรายการของป้า ตามติดมาด้วยเรื่องช่วยงานบ้านให้มากขึ้น เอวาไม่คิดว่าตัวเองน้ำหนักเกินขนาดนั้น และเธอก็พยายามช่วยงานบ้านอย่างดีที่สุดแล้ว แต่คำพูดของคุณป้ามักจะจี้ใจดำเธอได้เสมอ

เอวาถอนหายใจแล้วเริ่มก้าวขึ้นบันไดสามขั้นที่ทอดสู่ชานหน้าบ้าน มันต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว บันไดขั้นแรกแอ่นลงเมื่อเธอทิ้งน้ำหนักตัวลงไปและส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด

เอวาคำนวณในใจ เธอคงไม่มีปัญญาจ้างช่างมาซ่อมได้ แต่บางทีเธออาจจะใช้เวลาในวันหยุดไปซื้อวัสดุแล้วลงมือทำเอง เธอแน่ใจว่าคงหาคลิปสอนวิธีทำในอินเทอร์เน็ตได้ เธอหยิบกุญแจออกมาเพื่อไขประตูหน้าบ้าน แต่กลับพบว่ามันไม่ได้ล็อกอยู่ เอวาขมวดคิ้ว คุณลุงกับคุณป้าไม่ได้ล็อกประตูก่อนออกไปหรือ เธอสงสัย เธอ ก้าวเข้าไปในโถงทางเดินมืดๆ แล้วเปิดไฟ ไม่มีอะไรดูผิดที่ผิดทาง เธอเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและทำถุงที่ถือมาหล่นลงพื้นทันทีที่เห็นคุณป้ากับคุณลุงนอนอยู่บนพื้นพรมในสภาพถูกมัด สมองของเอวาใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะประมวลผลสิ่งที่เห็น แต่เมื่อเข้าใจแล้ว เธอก็รีบถลาเข้าไปหาญาติของเธอ เมื่อเข้าไปใกล้ขึ้น เธอก็เห็นอาการบาดเจ็บของพวกเขาในแสงสลัวจากโคมไฟในโถงทางเดิน คุณป้าของเธอริมฝีปากแตก ถูกมัดและถูกอุดปาก ส่วนคุณลุงมีรอยฟกช้ำดำเขียวมากกว่าสีผิวปกติและหมดสติไปแล้ว เลือดไหลซึมจากบาดแผลหลายแห่งบนใบหน้า จมูก และปากของเขา

“คุณป้าลอร่า เกิดอะไรขึ้นคะ” เอวาถามขณะเริ่มลงมือแกะผ้าอุดปากของป้า

“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่ทำอย่างนั้น” เสียงห้าวหยาบกระด้างดังขึ้นจากด้านหลังเอวา เอวาสะดุ้งตกใจ แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร ใครคนหนึ่งก็คว้าผมหางม้าของเธอแล้วกระชากไปข้างหลัง เอวาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและความหวาดกลัวที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง เธอพยายามคว้ามือที่จับเธออยู่เพื่อให้มันปล่อย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เธอคิดขณะพยายามดิ้นให้หลุด

“นี่ๆ อย่าทำตัวเป็นอีโง่น่า” เสียงที่สองบอกเธอ เธอหันหน้าไปมองชายท่าทางหยาบกระด้างคนหนึ่ง เขารูปร่างผอม แต่ดูท่าทางสู้คน เขามีดวงตาเย็นชาที่มองลงมายังเธอปราศจากความสำนึกผิดหรือสงสารแม้แต่น้อย

“ได้โปรดเถอะ พวกแกต้องการอะไร” เอวาตะโกนถามเขา มันตบสวนเข้าที่ปากของเธอจนเอวารู้สึกได้ถึงรสคาวเลือดในปาก

“หุบปากแล้วทำตามที่บอก นังเวร” ชายคนนั้นตวาดใส่เธอ เธอได้ยินเสียงหัวเราะมาจากชายที่อยู่ข้างหลังซึ่งกำลังดึงผมเธออยู่ เธอไม่เห็นหน้าเขา เอวาถูกกระชากให้ลุกขึ้นยืน และชายข้างหลังก็คว้าข้อมือเธอแล้วบิดไพล่หลัง เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อรู้สึกปวดร้าวที่หัวไหล่

“อีนังขี้โวยวายเอ๊ย เจ็บแค่นี้ก็ทนไม่ได้ เดี๋ยวก็รู้ว่าจะทนได้นานแค่ไหน” ชายคนที่ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเธอหัวเราะเยาะ เขาตัวเตี้ย เอวาเพิ่งสังเกตเห็นเมื่อเขาอยู่ใกล้ สูงแค่จมูกของเธอเท่านั้น เธอก้มลงมองเขาและรู้สึกหวาดกลัวจับใจเมื่อสบตาเขา เธอตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงแล้ว และเธอก็รู้ดี ที่ไม่รู้ก็คือทำไม

“ได้โปรดเถอะค่ะ พวกเราไม่มีอะไรมาก แต่ฉันบอกได้ว่าเงินซ่อนไว้ที่ไหน แล้วก็มีเครื่องประดับนิดหน่อย คุณเอาไปได้เลย ขอแค่อย่าทำร้ายพวกเรา” เอวาพยายามอ้อนวอน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือฝ่ามือที่ตบสวนเข้าหน้าเธออีกครั้ง

“กูบอกให้หุบปากไง อีดอก พวกกูไม่ต้องการเครื่องประดับกระจอกๆ หรือเงินเหี้ยๆ ของมึง” มันขู่ฟ่อใส่เธอ เอวาสะอื้นออกมา แก้มซ้ายของเธอแสบร้อนและเริ่มบวมเป่ง ริมฝีปากก็แตก เธอเริ่มกลัวสุดชีวิต ถ้าพวกมันไม่ต้องการของมีค่า แล้วพวกมันต้องการอะไร?

“ไปกันเถอะ ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว” เสียงข้างหลังเธอดังขึ้น เอวารู้สึกโล่งใจขึ้นมาวูบหนึ่ง พวกมันกำลังจะไปแล้ว พอพวกมันไป เธอก็จะแก้มัดลุงกับป้า แล้วพาลุงไปโรงพยาบาลได้ ชายร่างเตี้ยยักไหล่แล้วเริ่มเดินไปทางประตูโรงรถ แต่ความโล่งใจของเอวาก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อเธอรู้สึกว่าชายที่อยู่ข้างหลังลากเธอไปในทิศทางเดียวกัน

“พะ-พวกคุณจะทำอะไรคะ” เธอถามอย่างสิ้นหวัง มีเสียงหัวเราะเย็นเยียบดังมาจากด้านหลัง

“มึงคงไม่คิดว่าพวกกูจะทิ้งแม่ตุ๊กตาอย่างมึงไว้ข้างหลังหรอก ใช่ไหม” เสียงหนึ่งกระซิบข้างหูเธอ เอวารู้สึกถึงลมหายใจเปียกชื้นรดผิวหนัง เธอตัวสั่นด้วยความขยะแขยง

“ได้โปรด อย่าพาฉันไปเลย ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรด” เธอวิงวอนพลางเริ่มดิ้นรนขัดขืนชายที่กำลังผลักเธอไปข้างหน้า

“หยุดดิ้น ไม่งั้นกูจะให้เพื่อนกูเอามึงต่อหน้าลุงกับป้ามึง” เสียงข้างหลังเธอกล่าว เอวาหยุดดิ้นทันที ภายในอกของเธอเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง “แบบนี้ค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย ใช่ไหมล่ะ” มันหัวเราะหึๆ “อย่าบอกนะว่ามึงยังซิง ทั้งๆ ที่ตูดน่าเอาขนาดนี้” มันพูดพลางใช้มือข้างที่ว่างคว้าหมับแล้วบีบก้นเธอ เอวาเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ไม่มีทางที่เธอจะยอมรับเรื่องนี้กับชายคนนี้ เธอจึงได้แต่ส่ายหน้า “กูก็ว่าอย่างนั้น เพื่อนกูคงไม่รังเกียจที่จะเอาเร็วๆ สักทีก่อนไปเพื่อหุบปากมึง ส่วนกู กูไม่ชอบแบบนั้น ไม่ล่ะ กูอยากจะพามึงไปที่ส่วนตัว ไกลๆ จากพวกสอดรู้สอดเห็น สิ่งที่กูจะทำกับมึงด้วยมีดเล่มนี้ พอเสร็จงานแล้วมึงจะเป็นเหมือนงานศิลปะชิ้นเอกเลยล่ะ” มันกระซิบบอกเธอ หัวใจของเอวาเต้นรัวเหมือนปีกนกฮัมมิงเบิร์ด ขณะเดียวกันร่างกายก็รู้สึกเย็นเฉียบ สมองของเธอกลายเป็นหลุมดำที่ว่างเปล่า ความกลัวล้วนๆ แล่นพล่านไปทั่วร่างของเธอ ขณะที่ชายคนนั้นกำลังผลักเธอผ่านประตูไปยังโรงรถ เธอเกี่ยวขาเข้ากับราวบันไดสามขั้นที่ทอดลงไป เธอพันขารอบเสาต้นหนึ่งแน่นและไม่ยอมปล่อยเมื่อชายคนนั้นกระชากแขนเธอ “ปล่อย” มันคำราม เอวาส่ายหน้าและเกาะราวบันไดไว้แน่น ชีวิตเธอขึ้นอยู่กับมัน หางตาของเธอเห็นชายร่างเตี้ยเดินเข้ามา เธอได้ยินเสียงคลิกและรู้สึกถึงโลหะเย็นๆ จ่อที่ขมับ

“ปล่อยสิวะ ไม่งั้นกูจะยิงกระสุนเจาะสมองเหี้ยๆ ของมึง” ชายร่างเตี้ยบอกเธอด้วยเสียงต่ำช้า ชั่วขณะหนึ่ง เอวาคิดจะปล่อยให้มันเหนี่ยวไก ไม่ว่าพวกมันวางแผนจะทำอะไรกับเธอเมื่อออกจากบ้านไปแล้ว เธอก็รู้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ตายไปเลยจะดีกว่าไหม? แต่เธอเปลี่ยนใจ ไม่ว่าอย่างไร ชีวิตก็ย่อมดีกว่าความตาย และบางทีถ้าพวกมันพาเธอไปที่อื่น เธออาจจะขอความช่วยเหลือจากใครสักคนได้ ความตายไม่มีความหวัง มีเพียงชีวิตเท่านั้นที่มอบสิ่งนั้นให้ได้ เอวาทิ้งขาอ่อนแรง และเมื่อชายสองคนลากเธอไปยังรถเอสยูวีคันใหญ่สีดำ เธอก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น ชายที่อยู่ข้างหลังจับมืออีกข้างของเธอแล้วดึงไปไพล่หลังเช่นกัน เธอรู้สึกและได้ยินเสียงเคเบิลไทร์รัดข้อมือจนแน่น

ชายร่างเตี้ยเปิดประตูหลังออก แล้วเธอก็ถูกยัดเข้าไปข้างใน นอนคว่ำหน้าพาดอยู่บนเบาะ มีคนจับขาเธอ งอเข่า แล้วรัดเคเบิลไทร์รอบข้อเท้าของเธอก่อนจะปิดประตู เอวานอนคว่ำหน้า น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกว่าเบาะเริ่มเปียกขณะที่เธอยังคงสะอื้นไม่หยุด “หยุดร้องไห้ซะที เสียงร้องไห้แม่งน่ารำคาญชิบหาย” ชายร่างเตี้ยพูด มันขึ้นไปนั่งเบาะหน้า ส่วนชายอีกคนนั่งลงตรงที่นั่งคนขับ เท่าที่เอวามองเห็น เขาเป็นชายร่างใหญ่ กล้ามเนื้อปูดโปนอยู่ใต้เสื้อยืดสีดำ เขาหัวโล้น และผิวหนังที่ขึงตึงเหนือมัดกล้ามนั้นเต็มไปด้วยรอยสักสีสันสดใส

Previous ChapterNext Chapter