




บทที่ 5
โอ๊ย เบาๆ หน่อยสิ ฉันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะที่พยาบาลประจำโรงเรียนทำความสะอาดแผลใหม่ของฉันด้วยยาฆ่าเชื้อ
ถ้าเธอแค่หุบปากซะ เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ฉันหันขวา มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นก้อนเมฆไม่กี่ก้อนลอยอยู่ในท้องฟ้าสีคราม
อย่างที่บอกไปไง ฉันภูมิใจที่เป็นมนุษย์ และตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าฉันเป็นอะไร ฉันกำหมัดแน่นขณะที่พยาบาลเริ่มพันผ้าพันแผลรอบแขนท่อนล่างของฉัน
หลายชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่เหตุการณ์ในโถงทางเดิน ฉันถูกบังคับให้มาที่ห้องพยาบาลหลังจากพยายามล้างแผลด้วยการราดน้ำจากก๊อก แถมเลือดก็ไม่ยอมหยุดไหลอีกต่างหาก
เธอนี่มันเหลือทนจริงๆ ช่วยพยายามอย่าหาเรื่องได้ไหม ขอแค่วันเดียว แค่นั้นแหละที่ฉันขอ พยาบาลประจำโรงเรียนของเราเป็นคนหมาป่า เธอเป็นพวกนั้น แต่เธอเกลียดวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อพวกเรา แค่มนุษย์ธรรมดา เธอคิดว่าเราทุกคนควรอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีสิทธิเท่าเทียมกัน เหอะ ฝันไปเถอะว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นจริง
ที่ผ่านมาฉันก็พยายามไม่หาเรื่องมาตลอด แต่พวกคุณก็จะหาทางทำให้อับอายอยู่ดี แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ
ฝูงกำลังหารือเรื่องการประหารในที่สาธารณะนะ ดีแลน ต่อจากนี้ไปเธอต้องระวังตัวให้มาก ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเธอเอง แต่เพื่อครอบครัวของเธอด้วย ไม่มีการประหารในที่สาธารณะมานานกว่า 4 เดือนแล้ว รู้สึกเป็นเกียรติจังที่พวกเขากำลังพิจารณาเรื่องนี้ พวกเขาจะประหารเฉพาะคนที่เชื่อว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดต่อสังคมเท่านั้นแหละ
งั้นเหรอ... รู้สึกเป็นเกียรติจัง ฉันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมองดูผ้าพันแผล 'หืม ก็ไม่เลวนี่' ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงสำหรับมนุษย์ในห้องพยาบาลแล้วดึงแขนเสื้อเชิ้ตลงมาปิดบังร่องรอยการบาดเจ็บ
นี่มันเรื่องจริงจังนะ! ฉันแค่ทำหน้าเฉยเมยใส่เธอก่อนจะเดินออกจากห้อง ระหว่างทางออก ฉันได้ยินเสียงเธอตะโกนตามหลังมา "ได้โปรด คิดดูให้ดีนะ" ฉันพยักหน้าห้วนๆ ขณะเดินจากไป พลางสงสัยว่าจะบอกแม่เรื่องนี้ยังไงดี
ต่อมาในตอนเย็น...
พี่ดิลลี่ ทำไมพูดอย่างนั้นอะ เฟรดดี้เงยหน้ามองฉันทั้งที่ขนมปังเต็มปาก
อย่าพูดทั้งที่ข้าวยังเต็มปากสิลูก! แม่ดุเขา หน้าเขาก็แดงก่ำด้วยความอาย
โต้ดก๊าบแม่ เสียงตอบอู้อี้ขณะที่เขากลืนอาหารคำสุดท้ายลงคอ
พี่พูดไปเพราะมันคือความจริงไงเฟรดดี้ พวกเผ่าพันธุ์หมาป่ามันก็แค่พวกน่าสมเพช... แม่ขัดจังหวะฉันด้วยสีหน้าเคร่งขรึมสุดๆ
ดีแลน! พวกนั้นมีหูอยู่ทุกที่ พูดออกมาอีกคำเดียว กลับเข้าห้องไปเลยนะ ฉันทำหน้าบึ้ง ความเกลียดชังที่มีต่อพวกไลแคนยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันที่ผ่านไป
พวกเขาจะทำอะไรฉันได้มากกว่านี้อีกล่ะ เฆี่ยนฉันเหรอ ทุบตีฉันเหรอ ตีตราฉันเหรอ พวกเขาหมดทางเลือกแล้วโว้ย ฉันพูดพลางทุบมือลงบนโต๊ะ แล้วก็ต้องเสียใจทันทีเมื่อความเจ็บปวดแล่นแปล๊บผ่านแผล
เมื่อกี้เสียงอะไร ฉันรีบเงยหน้ามองสีหน้ากังวลของแม่ คิ้วของแม่เลิกสูง ดวงตาหม่นแสงและจับผิดขณะมองมาที่ฉัน
ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลยแม่ ฉันรีบหยิบจานของตัวเองแล้วเริ่มเดินไปที่ห้องครัว หนูไม่ค่อยหิว แล้วก็มีการบ้านต้องทำด้วย! แม่คว้าท่อนแขนฉันไว้ ทำให้ฉันทำจานหลุดมือทันที ฉันมองมันค่อยๆ ร่วงลงสู่พื้นก่อนจะแตกกระจาย
ฉันรีบชักแขนกลับแล้วหันไปหาเฟรดดี้ อยู่ตรงนั้นนะ อย่าขยับจนกว่าจะเก็บกวาดเสร็จ โอเคไหมเจ้าตัวเล็ก เขาแค่พยักหน้าตาโต ฉันหันกลับไปหาแม่และสังเกตเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นของแม่จับจ้องอยู่ที่แขนฉัน มือแม่เปลี่ยนไปจับอีกข้าง พลิกแขนฉันไปมาก่อนจะดึงแขนเสื้อขึ้น ผ้าพันแผลเผยให้เห็นและมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยหลังจากแผลถูกกระทบกระเทือน
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ดวงตาของแม่เบิกกว้างขณะที่เริ่มคลำผ้าพันแผล ก่อนที่แม่จะแกะมันออกได้ ฉันก็กระชากแขนกลับ
หนูประสบอุบัติเหตุที่โรงเรียน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันเริ่มเก็บเศษจานชิ้นใหญ่ๆ เตรียมเอาไปทิ้งถังขยะ
ลูกไปทำอะไรมา ดีแลน แม่มองฉันด้วยความกังวลอย่างแท้จริง และตอนนั้นเองฉันถึงได้ตระหนักว่าแผลนี้คงดูน่ากลัวสำหรับคนที่ไม่รู้เรื่อง
โธ่เว้ยแม่! หนูไม่ได้ทำตัวเอง! หนูถูกลงโทษในที่ประชุมต่อหน้าสาธารณะ โอเคไหม ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย สีหน้าแม่ซีดลงทันทีและก้าวเข้ามาหาฉัน ทำให้ฉันต้องถอยหลัง แม่ หนูไม่เป็นไร ถอยไปหน่อยได้ไหม
ลูกไปทำอะไรมา แม่ไม่เคยรู้ว่าพวกเขาจะลงโทษใครด้วยการกรีดแขน น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความตกใจและกล่าวหา ฉันถอนหายใจหนักๆ
หนูพูดต่อต้านลูกชายอัลฟ่า ฉันอาจจะต่อยเขาไปด้วย แต่ฉันจะไม่เล่าส่วนนั้นให้แม่ฟัง มันไม่ใช่แผลกรีดแผลเดียวแม่ มันคือรอยตีตรา คำว่า 'เดนมนุษย์' ถูกสลักไว้บนแขนหนู
พวกเขาตีตราลูกด้วยเหรอเนี่ย?! ฉันกลอกตาใส่น้ำเสียงเจ็บปวดของแม่ขณะเดินไปหยิบที่ตักผงกับแปรง ลูกนี่เหมือนพ่อไม่มีผิด เสียงถอนหายใจหลุดออกจากปากแม่ขณะพูด เอามือสางผม ส่วนฉันก็รีบกวาดเศษจานเล็กๆ ที่แตก มีชุดนักเรียนใหม่มาส่งให้ วางอยู่บนเตียงลูกน่ะ ดีแลน ได้โปรด ต่อไปพยายามทำตัวนอบน้อมหน่อยนะ แม่ไม่อยากให้ลูกสาวแม่ต้องพิการไปทั้งตัว ถึงแม้ว่าตอนนี้ลูกก็ใกล้จะเป็นอย่างนั้นแล้วก็เถอะ
เหอะ ขอบคุณ จากนั้นฉันก็เดินไปหาน้องชายตัวเล็ก เฟรดดี้ ก่อนจะจุ๊บลงที่คอเขาเบาๆ แล้วได้ยินเสียงเขาหัวเราะคิกคัก ว่าไงเจ้าตัวเล็ก ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง
ก็โอเคฮะ เขายักไหล่ก่อนจะก้มหน้าก้มตาระบายสีรูปไดโนเสาร์ต่อ
ดีแล้วล่ะ อย่าไปหาเรื่องใครเขาล่ะ โอเคไหมไอ้หนู ฉันเดินขึ้นบันไดเข้าไปในห้อง ความคิดวนเวียนอยู่กับรอยแผลเป็นเหมือนรอยสักถาวรที่กำลังค่อยๆ สมานตัวบนแขน พวกเดรัจฉานน่ารังเกียจ คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าโลกเพียงเพราะเร็วกว่า แข็งแรงกว่า และแปลงร่างได้ เหอะ ถ้าถามฉัน พวกมันก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรนักหรอก
วินาทีที่ฉันเดินเข้ามาในห้อง ฉันถึงกับอ้าปากค้าง บนเตียงมีกางเกงสีเทาวางพับไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งนั่นไม่ใช่ส่วนที่น่าประหลาดใจ ไม่เลย สิ่งที่ทำให้ฉันตกตะลึงคือเสื้อเชิ้ตกระดุมหน้าสีเทา คอสูง ไม่มีแขน ชุดนักเรียนทุกชุดต้องมีแขนเสื้อ ยกเว้นชุดนี้ พวกมันทำแบบนี้โดยตั้งใจ พวกหมานั่น พวกมันอยากให้โลกเห็นแขนของฉันและรู้ว่าฉันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจแค่ไหน พวกมันอยากให้โลกรู้ว่าฉัน ดีแลน ไรลีย์ ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า 'เดนมนุษย์'