




ลูกหลานของดวงจันทร์ - บทที่ 5 - การตอบโต้
เซเลน่า
พอเรามาถึงโรงเรียน ลานจอดรถก็ว่างเปล่า หมายความว่าทุกคนเข้าไปข้างในกันหมดแล้ว เราเดินตามโคลกับสมิธเข้าไปในประตูโรงเรียน ยังคงจูงมือกันอยู่ ขณะที่เราก้าวเข้าสู่โถงทางเดิน ความเงียบอันน่าขนลุกก็เข้าปกคลุม ทุกคนหันมาจ้องมองกันเนอร์กับฉัน สายตาฉันกวาดไปรอบโถง เห็นทุกคนกระซิบกระซาบกันและมองฉันด้วยความรังเกียจ มันเป็นความรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้สึกมา และฉันเกลียดมัน ฉันก้มหน้าลงแล้วดึงฮู้ดคลุมศีรษะ ปล่อยมือจากกันเนอร์ ฉันรีบจ้ำอ้าวตรงไปยังห้องเรียน ทิ้งเด็กผู้ชายสามคนไว้ข้างหลัง
“ซี รอด้วย!” เขาตะโกนตามหลัง แต่ฉันไม่หยุด
ฉันเดินผ่านใบหน้าที่กระซิบกระซาบและสายตาดูแคลนขณะมุ่งหน้าไปตามทางเดิน
“ไม่มีทาง”
“ฝันไปเถอะ”
“นี่แกล้งกันเล่นหรือเปล่า?”
ฉันก้มหน้าหลบสายตาผู้คน สายตาและคำพูดเหน็บแนมไม่ใช่เรื่องใหม่ ฉันเจอแบบนี้ทุกวัน แต่ฉันมันโง่เองที่คิดว่ากันเนอร์กับฉันจะคบกันได้จริงๆ เขาเป็นพวกชนชั้นสูง ส่วนฉันมันพวกชั้นต่ำสกปรก และทุกคนก็รู้ดี ฉันมาถึงห้องเรียนและรีบไปนั่งที่ประจำตรงมุมหลังห้อง ฉันนั่งลงและก้มตัววางกระเป๋าบนพื้น พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที สมิธก็นั่งอยู่ข้างๆ ฉันแล้ว เขายิ้มแล้วหยิบหนังสือแคลคูลัสออกมา
“หวังว่าเธอจะเก่งเรื่องห่วยๆ นี้นะ เพราะฉันห่วยแตกมากเลย” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ฉันยิ้มตอบเขาบางๆ พร้อมกับยักไหล่
คุณฟิลลิปส์ผู้น่าเบื่อหน่ายคือครูสอนคณิตศาสตร์ของเรา เขาเป็นชายวัยกลางคนหัวล้านที่มักจะแต่งตัวด้วยกางเกงขาสั้นสีกากีกับถุงเท้าลายสก็อตสีสันสดใสที่ดึงขึ้นมาถึงเข่า อย่างดีที่สุดก็แค่น่าเบื่อ แต่ก็มีความคมคายและคำพูดประชดประชันที่สามารถทำให้ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ไปไม่เป็นได้ กลางชั่วโมงเรียน สมิธวางกระดาษพับแผ่นหนึ่งปุ๊กลงบนโต๊ะฉัน เขามองฉันอย่างคาดหวัง แก้มของเขาแดงก่ำและแทบจะระเบิดออกมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคักที่กลั้นไว้แทบไม่อยู่ ฉันคลี่กระดาษโน้ตออกแล้วพิจารณาดู รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าเมื่อฉันเริ่มเข้าใจสิ่งที่เห็น มันเป็นรูปวาดสุดห่วยของคนที่ฉันเดาว่าเป็นคุณฟิลลิปส์ สวมบิกินี่ ถักเปียสองข้าง และกำลังขี่... สิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นปลาโลมา ฉันเหลือบมองสมิธ เขากำลังน้ำตาไหลพรากจากการหัวเราะแบบไร้เสียง เขาเอามือปิดปากเพื่อกลั้นเสียง จากนั้นเขาก็ทำท่าเหมือนดันหน้าอกตัวเอง สะบัดผมข้ามไหล่ แล้วควบปลาโลมาหนีไป มันตลกมาก และฉันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักไปกับเขา ฉันส่งรูปวาดคืนให้เขาแล้วก้มหน้ามองหนังสือต่อ ยังคงยิ้มกับตัวเอง นี่สินะความรู้สึกของการมีเพื่อน การล้อเล่นและหัวเราะคิกคัก การมีเหตุผลให้ยิ้มได้ ฉันชอบความรู้สึกนี้ ความสบายใจอย่างเปี่ยมสุขนี้ ฉันชอบการมีเพื่อน
เสียงกริ่งพักกลางวันดังขึ้น นักเรียนทุกคนลุกขึ้นและจากไป ยกเว้นสมิธ เขารอให้ฉันเก็บหนังสือใส่กระเป๋า เขายืนรอที่ประตูพร้อมรอยยิ้ม
“พร้อมหาอะไรกินหรือยัง?” เขาถามพลางลูบท้องตัวเอง ฉันยิ้มและพยักหน้า
“ขอเอาประเป๋าไปเก็บก่อนนะ” ฉันพูดเสียงเบา
“ให้ไปด้วยไหม หรือจะให้ไปรอที่นู่นเลย?” เขาถามพลางใช้นิ้วโป้งชี้ไปตามทางเดินที่มุ่งหน้าไปยังโรงอาหาร
“ฉันไปเองได้” ฉันพูดพลางสะพายกระเป๋าขึ้นไหล่แล้วเดินลอดประตูผ่านเขาไป เขายิ้ม โบกนิ้วหยิกๆ ให้ฉัน แล้วก็วิ่งหายไปตามทางเดิน
ฉันเดินไปที่ล็อกเกอร์ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า วันนี้กำลังจะกลายเป็นวันที่ดีแฮะ ผิดจากปกติ ฉันไปถึงล็อกเกอร์และกำลังจะหมุนรหัส แต่แล้วก็ถูกกระชากไหล่อย่างแรงจนตัวหมุน ฉันยกมือขึ้นป้องหน้า เตรียมรับมือใครก็ตามที่กำลังจะเข้ามาทำร้าย
“แกไม่คิดจริงๆ ใช่ไหมว่าเขาชอบแกน่ะ?” เสียงแหลมสูงของเดมี่หัวเราะเยาะฉัน ฉันลดมือลงข้างลำตัว ก้มหน้าลง และไม่พูดอะไร ทางที่ดีที่สุดคือปล่อยให้หล่อนระบายออกมาให้หมด พอฉันพูดหรือพยายามสู้กลับ เรื่องมันจะแย่ลงกว่าเดิม
หล่อนตบฝ่ามือปังเข้าที่ประตูข้างศีรษะฉัน ทำเอาฉันสะดุ้งแล้วหันหน้าหนี
“โอ๊ย ให้ตายสิ” หล่อนพ่นลมหายใจพรืด
“เธอนี่มันน่าสมเพชจริงๆ เลยนะ ทำไมถึงคิดว่าใครๆ ก็อยากจะหาเรื่องกับเธอนักหา?” หล่อนตวาดใส่ฉันพลางโน้มหน้าเข้ามาใกล้
ใบหน้าฉันเบือนหนี ดวงตาปิดแน่น รอคอยให้หล่อนตบตี เตะ หรือกระชากผม หรือทำอะไรสักอย่าง ฉันได้กลิ่นน้ำหอมของหล่อน กลิ่นดอกไม้ฉุนกึ้กจนแสบจมูก แต่ฉันก็ได้กลิ่นอื่นด้วย มันเป็นกลิ่นเย็นๆ จืดชืด เป็นกลิ่นที่ฉันน่าจะเชื่อมโยงกับความกลัวหรือความโกรธ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ฉันจะได้กลิ่นความกลัวได้ยังไง อารมณ์มันไม่มีกลิ่นสักหน่อย หล่อนคว้าไหล่ฉันแล้วผลักฉันกระแทกกับตู้ล็อกเกอร์อย่างแรง หลังที่ระบมอยู่แล้วก็ปวดแปลบขึ้นมาทันที
“กันเนอร์ไม่ต้องการเธอหรอก ทำไมเขาจะต้องอยากได้หมูอย่างเธอด้วย?” หล่อนตวาดใส่หน้าฉัน ห่างกันแค่ไม่กี่นิ้ว ฉันครางหงิงเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของหล่อนที่รดแก้ม
“อยู่ห่างๆ กันเนอร์ไว้ เข้าใจไหม อีสารเลว เขาน่ะของฉันแล้ว”
ฉันพยักหน้าเร็วๆ คำพูดอันคมกริบของหล่อนเชือดเฉือนใจฉัน แน่ล่ะ หล่อนกับกันเนอร์ก็ต้องคู่กันอยู่แล้ว พวกเขาทั้งคู่สวยหล่อจะตาย คนสวยคนหล่อมักจะจับคู่กันเองอยู่แล้ว หล่อนปล่อยมือจากไหล่ฉันแล้วถอยหลังไปก้าวเล็กๆ ฉันไม่กล้าเงยหน้ามองหล่อน แต่ก็นึกภาพรอยยิ้มเยาะร้ายกาจของหล่อนในใจได้ ราวกับสัมผัสได้ถึงสายตาร้อนแรงที่แผดเผาผิวหนังฉันอยู่
“ตัวไร้ค่า เกะกะรกโลกจริงๆ” หล่อนหัวเราะแล้วหันไปหาพวกลูกสมุนกับฝูงชนที่มารวมตัวกันอยู่ข้างๆ
แม้หล่อนจะหันไปแล้ว ฉันก็ยังรู้สึกถึงความแสบร้อนจากสายตาของหล่อน มันเหมือนคลื่นความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่าง โอบล้อมแขนของฉันไว้ ฉันกำหมัดแน่น จิกเล็บลงบนฝ่ามือ ความรู้สึกร้อนเหมือนเข็มทิ่มแทงพวกนั้น เหมือนกับเมื่อวานในป่า ฉันรู้สึกได้ว่ามันกำลังแล่นปราดขึ้นมาตามขาเข้าสู่หน้าอก โดยไม่ทันได้คิด ฉันก้าวไปข้างหน้าแล้วตบหน้าเดมี่ฉาดใหญ่ ฉันตบแรงจนหน้าหล่อนหันสะบัดไปด้านข้าง และเสียงดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน ทุกคนเงียบกริบ ตกใจที่เห็นฉันระเบิดอารมณ์ออกมาแบบนี้ หลายปีที่ผ่านมาฉันได้แต่นั่งเงียบๆ และยอมรับการทารุณกรรมของพวกเขาโดยไม่ปริปากหรือแสดงท่าทีตอบโต้ใดๆ เดมี่กุมหน้าตัวเองแล้วหันมามองฉัน ริมฝีปากบนของหล่อนแบะออกอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอันร้อนแรง หล่อนพุ่งเข้าใส่ฉัน คว้าข้อมือฉันข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างบีบคอฉัน หล่อนผลักฉันกระแทกกับตู้ล็อกเกอร์ กระแทกหัวฉันเข้ากับประตูตู้ ฉันร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
“แกคิดว่าแกเป็นใครหา? อีร่านสกปรก!” หล่อนกรีดร้องใส่ฉันพลางกระแทกฉันกับตู้ล็อกเกอร์อีกครั้ง ฉันพยายามหายใจ แต่แรงบีบที่คอมันแน่นเกินไป ฉันรู้สึกได้ว่านิ้วมือของหล่อนบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ และฉันหลับตาลงเตรียมรับความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิม ฉันพยายามดึงมือหล่อนออกจากคออย่างสิ้นหวังเพราะต้องการอากาศหายใจ แต่มันก็ไร้ผล ฉันรู้สึกว่าหัวเริ่มหมุนติ้วและตาเริ่มพร่ามัว แรงบีบของเดมี่คลายออกกะทันหัน ฉันทรุดลงไปกองกับพื้น ไอโขลกและพยายามหายใจอย่างทุลักทุเล ฉันคุดคู้อยู่บนพื้นในท่าคลาน พยายามโกยอากาศเข้าปอดอย่างบ้าคลั่ง ลำคอแสบร้อนและอากาศที่สูดเข้าไปให้ความรู้สึกเหมือนมีดบาดปอด
เมื่อฉันหายใจได้อีกครั้งในที่สุด ฉันก็เริ่มรับรู้ถึงเสียงตะโกนและกรีดร้องตรงหน้า ฉันลังเลก่อนเงยหน้าขึ้นมอง โคลกับสมิธกำลังพยายามยื้อยุดกันเนอร์ที่ดูท่าทางเดือดดาลอย่างหนัก ซึ่งกำลังพยายามจะพุ่งเข้าใส่เดมี่อย่างเอาเป็นเอาตาย เดมี่กำลังเกาะแขนไบรอันแน่น พยายามใช้เขาเป็นโล่กำบัง ไบรอัน เดมี่ พวกลูกสมุนของหล่อน และทุกคนในโถงทางเดินต่างจ้องมองกันเนอร์ด้วยความตกตะลึงและหวาดผวา