




บทที่ 6
-วีร่า-
ขณะที่ฉันกำลังเดินกลับไปที่บ้านพักของฝูง สัญชาตญาณทำให้ฉันหยุดอยู่ที่ชายป่า การจากที่นี่ไปเป็นเรื่องยากสำหรับฉันเสมอ ฉันหันกลับไปเผชิญหน้ากับต้นไม้ ซึ่งดูราวกับจะยื่นมือมาหาฉัน แม้จะฟังดูแปลก แต่นี่คือที่เดียวที่ฉันไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยว แม้แต่ตอนเด็กๆ ฉันเคยคิดหนีเข้าป่านับครั้งไม่ถ้วน ถ้าไม่ใช่เพราะโซเฟียและครอบครัวของเธอ ฉันคงทำไปแล้ว
ฉันปีนบันไดขึ้นไปยังห้องทำงานของโซเฟีย นี่คือที่ที่เธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ ฉันเคาะประตู แล้วอเล็กซ์ก็เป็นคนเปิดให้ อย่างที่คาดไว้ ว่าที่คุณแม่นอนแผ่หลาอย่างไม่รักษาท่าทีอยู่บนโซฟา กำลังงีบหลับหลังอาหารเช้า นอนหงายพุงป่อง
อเล็กซ์กวักมือเรียกให้ฉันนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่หันหน้าเข้าหาเตาผิง ซึ่งฉันก็รู้สึกขอบคุณ เพราะฉันยังรู้สึกหนาวจากนิมิตอยู่เลย เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ฉัน
“เธอกำลังใกล้กำหนดคลอดแล้ว” เขาพึมพำขณะมองเปลวไฟที่ลุกโชน ฉันเพียงหันไปมองเขา รอให้เขาพูดต่อ “ผมไม่รู้ว่าเราจะทำเรื่องนี้ยังไงนะ วีร่า หลังจากพ่อเธอเสียไป เธอก็รับบทบาทอัลฟ่ารักษาการอย่างสง่างาม ผมยอมตกลงเพราะคาดว่ามันจะเป็นแค่ตำแหน่งชั่วคราว แต่ดูสภาพเราตอนนี้สิ” เขาหันมามองฉันด้วยดวงตาเศร้าสร้อย “ทุกวันนี้เธอก็แทบไม่ได้นอนอยู่แล้ว เธอเหนื่อยล้าตลอดเวลา แล้วนี่ยังจะมีลูกอีกสองคน?”
ฉันเข้าใจความกังวลของเขา การเป็นอัลฟ่าของฝูงไม่ใช่แค่การเอาแต่สั่งคนอื่นและตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ เท่านั้น
หากมีการต่อสู้ อัลฟ่าคือส่วนหนึ่งของแนวหน้าในการป้องกัน หากมีการโจมตีที่มุ่งหวังจะทำให้ฝูงอ่อนแอ อัลฟ่าคือเป้าหมายแรก อเล็กซ์เป็นหมาป่าที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็คงทำได้เพียงเท่านี้ในการปกป้องเธอหากเราถูกโจมตี ฉันรู้สึกจุกที่คอ
“คุณกังวลก็ถูกแล้ว อเล็กซ์” เปลวไฟเผาไม้ท่อนหนึ่งแตกดังเปรี๊ยะขณะที่ฉันพูด “ตั้งแต่เมื่อวาน ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจ พวกคุณก็รู้ แต่วันนี้…” อเล็กซ์ไม่รู้ถึงขีดความสามารถทั้งหมดของฉัน รู้เพียงว่าสัญชาตญาณของฉันไม่เคยพลาด “มีบางอย่างกำลังจะมา อเล็กซ์ บางอย่างที่เราไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือ” เขามองฉันอยู่นาน แต่ก่อนที่เขาจะทันคาดคั้นเอาข้อมูลจากฉัน เราก็รู้สึกได้ว่าโซเฟียตื่นแล้ว
“อเล็กซ์ ที่รัก ทิ้งฉันไว้กับวีร่าสักครู่นะคะ ได้โปรด?” เขาทำตามที่เธอบอก แต่ไม่วายส่งสายตาเจ็บปวดมาให้ฉัน ฉันบอกได้เลยว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นภาระหนักอึ้งในใจเขา โซเฟียเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเธอ ฉันตามไปนั่งฝั่งตรงข้าม โต๊ะของเธอใหญ่และเทอะทะ ทำจากไม้ทั้งตัว และตกทอดมารุ่นสู่รุ่น ความเทอะทะของมันทำให้เธอดูตัวเล็กกว่าความเป็นจริง
เพื่อนสนิทของฉันเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ฉันเคยเจอมา เธอมีผมตรงสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยลงมาถึงกลางหลัง และดวงตาสีน้ำผึ้งทอง รูปร่างอรชรของเธอทำให้เธอดูอ่อนวัยและบอบบาง แต่เธอคือนักรบที่ดุดันที่สุดคนหนึ่งในฝูงของเรา สิ่งที่เธอขาดไปคือพละกำลังมหาศาล แต่เธอก็ชดเชยด้วยความคล่องแคล่ว ความเร็ว และสติปัญญา ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีการคัดค้านเมื่อตำแหน่งอัลฟ่าของเธอได้รับการแต่งตั้งถาวร อันที่จริง ผู้คนต่างโห่ร้องยินดีที่ได้คนจากตระกูลอัลเลนมาเป็นอัลฟ่าของเราอีกครั้ง
“ถ้านิมิตของแกมันแย่พอๆ กับสภาพแกตอนนี้ ฉันก็เริ่มกังวลแล้วล่ะ” เธอมีสีหน้าเรียบเฉยที่ฉันรู้ว่าหมายถึงเอาจริงเอาจัง ฉันเล่าทุกอย่างที่เห็นให้เธอฟังโดยไม่เว้นรายละเอียดใดๆ
เมื่อฉันเล่าจบ ก็เกิดความเงียบงันอันยาวนานขณะที่โซเฟียจ้องมองเปลวไฟทางซ้ายมือ หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานด้านหลังเธอเผยให้เห็นว่าฝนเริ่มตกอีกครั้ง
“ในนิมิตของแก สัตว์ประหลาดตัวนั้นอยู่ในดินแดนของไลแคนรึเปล่า?” ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะพูดเรื่องอะไรต่อ แต่ฉันก็พยักหน้า ฉันไม่เคยเห็นมันข้ามเข้ามาในดินแดนของเรา เธอพูดต่อ “มันตามล่าพวกไลแคน วีร่า เอริคบอกฉันว่าพอพวกเขาเริ่มวิ่งลึกเข้าไปในเขตแดนหมาป่า มันก็หยุดไล่ตามพวกเขา” เธอหยุดพูด ชั่งน้ำหนักคำพูดต่อไปอย่างระมัดระวัง “นี่มันมีกลิ่นอายของเวทมนตร์ วี เวทมนตร์ที่แกร่งกล้าและมืดมนมาก ใครก็ตามที่บงการสัตว์ประหลาดตัวนั้น กำลังสั่งให้มันฆ่าพวกไลแคน แต่ไม่ใช่หมาป่าของเรา…”
“เราต้องส่งพวกเขากลับไป” ฉันพูดก่อนที่เธอจะทันได้พูดต่อ แต่ฉันอดไม่ได้ ฉันรู้ว่าฉันเห็นอะไร สิ่งนั้นทำอะไรได้บ้าง เธอแค่นเสียงอย่างประชดประชัน
“แกอยากให้ฉันส่งเมทของแกไปตายงั้นเหรอ?” ฉันผงะกับคำพูดไร้สาระที่ผู้ชายคนนั้นพูดเมื่อวานซึ่งถูกย้ำเตือนขึ้นมาอีกครั้ง “แกได้ไปเจอเขาเพื่อยืนยันรึยังว่าเขาเป็นเมทของแก?”
“โซเฟีย ฟังที่ตัวเองพูดบ้างสิ เขาเป็นไลแคนนะ!” ฉันลุกจากเก้าอี้ หงุดหงิดระอาใจที่ต้องมาอธิบายเรื่องนี้ ฉันเริ่มเดินไปเดินมา ฉันลืมรายละเอียดเล็กน้อยแต่สำคัญยิ่งนี้ไปสนิทเลย
“แหม ถ้าเขาเป็นสัตว์ร้ายตัวจริงในสนามรบ ลองนึกภาพตอนอยู่บน-” ฉันพูดขัดจังหวะเธอ
“ขอเทพีจันทราทรงอภัยในความคิดสกปรกของท่านด้วยเถอะ อัลฟ่า” ฉันถลึงตาใส่เธอ
“โอ๊ย เอาน่า วี แกพูดถึงเทพีจันทรา แต่พระองค์นั่นแหละที่จับคู่แกกับเขานะ! ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันทำงานยังไง แกมีเมททั้งที่ยังไม่ได้ยินเสียงหมาป่าของตัวเอง แต่การเจอเมทของตัวเองเป็นพรที่หายากยิ่งนะ!”
ฉันหน้าแดงก่ำ ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เพราะจู่ๆ ก็ตระหนักได้อย่างเจ็บปวดว่าฉันเห็นผู้ชายคนนี้เปลือยกายเมื่อวานนี้ อันที่จริง ฉันเห็นพวกเขาทุกคนเปลือยกาย พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะใส่เสื้อผ้าหลังจากแปลงร่างกลับเป็นมนุษย์ ฉันยกมือปิดหน้าแดงๆ ของตัวเอง ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง และโซเฟียก็หัวเราะคิกคัก ฉันลืมเรื่องหัวข้อที่จริงจังที่เรากำลังคุยกันอยู่เมื่อครู่ไปหมดสิ้น