




บทที่ 6
บทที่ 6
*“ทักษะและความมั่นใจคือกองทัพที่ไม่เคยพ่ายแพ้”
จอร์จ เฮอร์เบิร์ต*
“วิ่งต่อไป! ครูอยากให้วิ่งอีกยี่สิบรอบก่อนหมดคาบเรียน!”
คุณอาจจะคิดว่าถ้าการเป็นมนุษย์จะมีประโยชน์กับฉันบ้าง มันก็น่าจะเป็นการทำให้ฉันไม่ต้องเข้าเรียนวิชาฝึกนักรบ – วิชาบังคับที่ฝึกฝนคนหมาป่าหนุ่มสาวในเรื่องการต่อสู้และการสู้รบ
แต่คุณคิดผิด
ถึงแม้ว่าฉันจะกลายร่างเป็นคนหมาป่าไม่ได้ (และไม่มีวันจะได้เป็นนักรบฝูง) ฉันก็ยังต้องเข้าฝึกนักรบกับคนอื่นๆ อยู่ดี ฉันพยายามเกลี้ยกล่อมพ่อให้นับครั้งไม่ถ้วนเพื่อให้ท่านยอมให้ฉันโดดเรียนวิชานี้ แต่พ่อก็ยังยืนกรานไม่ยอม ท่านคิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้ฉันรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง รู้สึก “แข็งแกร่งเหมือนหมาป่า”
โชคไม่ดีที่มันมักจะทำให้ฉันรู้สึกตรงกันข้ามมากกว่า
สำหรับคนหมาป่า การวิ่งยี่สิบรอบรอบสนามโล่งกว้างที่เราใช้ฝึกซ้อมมันเรื่องจิ๊บจ๊อย สำหรับมนุษย์ที่ไม่เรียกตัวเองว่าเป็นนักกีฬา มันคือนรกดีๆ นี่เอง เพื่อนร่วมชั้นยังคงวิ่งแซงฉันในสนามไปเรื่อยๆ หัวเราะและคุยกันเหมือนกับว่ามันเป็นแค่การวิ่งเหยาะๆ สบายๆ
ขาของฉันปวดแสบไปหมด และทุกลมหายใจรู้สึกเหมือนมีตุ้มตะกั่วถ่วงอยู่ในปอด ฉันวิ่งตามหลังคนอื่นอยู่สองรอบกว่า แต่โชคดีที่ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว
ข้างๆ ฉันนี่เอง คาร่า เพื่อนสนิทที่สุดของฉัน วิ่งตีคู่มาด้วยความเร็วเท่ากัน ไม่เหมือนฉัน เธอไม่ได้หอบหายใจเอาออกซิเจน ถ้าเธอไม่ได้ตั้งใจวิ่งช้าลงตามความเร็วของฉัน เธอก็คงนำหน้าไปสองรอบเหมือนหมาป่าตัวอื่นๆ แล้ว
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะได้เจออัลฟ่าคิง” เธอบอก พลางทำตาขวางใส่ฉันอย่างล้อเล่น ผมหยิกลอนของเธอเด้งกระเพื่อมขณะวิ่ง และไม่มีเหงื่อสักหยดบนผิวดำขลับของเธอเลย เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง และเธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ไม่หลีกเลี่ยงฉัน
“แหม ใครจะไปรู้ล่ะว่าฉันจะได้เจอหน้าเขาตัวเป็นๆ หรือเปล่า” ฉันตอบ หายใจหอบ “มันก็แค่การประชุมทางการทูตธรรมดาๆ”
“ใช่ แต่มันเป็นการประชุมทางการทูตกับเหล่าอัลฟ่าที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกบางส่วนนะ”
“โอ้ ฉันรู้ดีน่า” ฉันหัวเราะอย่างหอบๆ “แต่ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องดีนะ พวกอัลฟ่าหลายคนอยู่ในห้องเดียวกัน? เรื่องทั้งหมดมันต้องกลายเป็นการแข่งอวดเบ่งกันแน่ๆ”
“คงงั้น” คาร่าหัวเราะ “ฉันยังอิจฉาอยู่ดี สงสัยจังว่าเธอจะได้เจอเจ้าชายกริฟฟินไหม ได้ยินมาว่าเขาฮอตสุดๆ เลยนะ”
“โอ้ เหรอ? พ่อฉันคิดว่าการประชุมนี้เป็นข้ออ้างเพื่อให้เจ้าชายตามหาเมทของเขาน่ะสิ” ฉันบอกเธอ และตาของคาร่าก็เบิกกว้าง
“จริงเหรอ? โอย ทีนี้ฉันยิ่งอิจฉาสุดๆ เลย นึกภาพผู้หญิงโชคดีคนนั้นที่จะได้เป็นเมทของเขาสิ”
คาร่ายังคงพูดอย่างตื่นเต้นไม่หยุด แต่ฉันหยุดกึกอยู่กับที่
“เดี๋ยวนะ กริฟฟินเหรอ?”
ภาพแขนผิวสีมะกอกที่มีรอยสักรูปกริฟฟินขนาดใหญ่แวบเข้ามาในหัวของฉัน
อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้สิคลาร์ก มันก็แค่เรื่องบังเอิญน่า
คาร่าหยุดทันทีที่รู้ว่าฉันไม่ได้วิ่งต่อแล้ว “เธอโอเคไหม?”
“อืมๆ ฉันไม่เป็นไร” ฉันบอก “แค่พักหายใจน่ะ แต่เธอบอกว่าเขาชื่อกริฟฟินเหรอ?”
เธอจ้องฉันพลางเลิกคิ้ว แต่ก็พยักหน้า “ใช่ เจ้าชายกริฟฟินไง เธอไม่รู้เหรอ?”
“เธอก็รู้จักฉันนี่” ฉันยิ้มกว้าง “ฉันไม่ค่อยได้ติดตามข่าวซุบซิบของพวกคนหมาป่าสักเท่าไหร่หรอก”
“จ้า” คาร่ากลอกตา “ฉันได้ยินมาว่าเขาฮอตมาก แต่ก็ยังหาเมทไม่เจอ เขาตามหามาตั้ง...เก้าปีแล้วมั้ง นึกออกไหม? นี่ฉันแค่สองปีเองนะ แล้วก็รู้สึกเหมือนจะอึดอัดจนบ้าตายอยู่แล้วที่ไม่มีเมท ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าต้องใช้เวลาทั้งทศวรรษโดยไม่มีเมทได้ยังไง”
ถึงแม้ฉันจะไม่เคยรู้สึกถึงแรงดึงดูดนั่นด้วยตัวเอง แต่ฉันก็รู้ว่าคนหมาป่าสามารถจำเมทของตัวเองได้ทันทีที่เห็นเมื่ออายุสิบหก ส่วนใหญ่จะเจอเมทภายในสองถึงสามปี – มันเป็นเรื่องยากมากที่หมาป่าตัวไหนจะใช้เวลานานกว่านั้นโดยไม่เจอเมทของตัวเอง
“เขาคงจะสิ้นหวังน่าดู” ฉันพูด “โดยเฉพาะถ้าถึงขั้นต้องให้พระราชารวบรวมธิดาอัลฟ่าทั้งหมดมาไว้ในที่เดียวกัน”
“เธอคิดว่ามันจะได้ผลไหม” คาร่าถาม แล้วดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง “ถ้าเขาเจอคู่แท้ของเขาล่ะ? เดี๋ยวสิ! ถ้าลิลลี่คือคู่แท้ของเขาล่ะ?”
“ฉันหมายถึง –”
“มันเป็นไปได้นะ!” คาร่าพูดต่อ “พี่สาวของเธอก็มีสายเลือดอัลฟ่า แล้วเจ้าชายกริฟฟินก็เหมือนกัน พวกเขาทั้งคู่ทรงพลัง พี่สาวของเธอจะได้เป็นราชินีตัวจริงเสียงจริงเลยนะ”
ฉันพยายามนึกภาพลิลลี่นั่งอยู่บนบัลลังก์ สวมมงกุฎอยู่บนศีรษะ แต่ความคิดนั้นกลับรู้สึก แปลกๆ สำหรับฉัน มันทิ้งรสขมขื่นไว้ในปาก แม้ฉันจะไม่แน่ใจว่าทำไม
“อาจจะ ใครจะไปรู้ล่ะ?” ฉันยักไหล่ แล้วพยายามปัดภาพนั้นออกจากหัว
“นี่พวกเธอ! มัวคุยเล่นอะไรกันอยู่? พวกเธอควรจะวิ่งรอบสนาม ไม่ใช่มาจับกลุ่มเม้าท์มอยกัน!” จากระยะหลายฟุต ครูของเรา เบต้าโจนส์ ชี้มาที่คาร่ากับฉัน เขาเป็นชายวัยกลางคน ผมสั้นเกรียน และมีแผลเป็นยาวพาดผ่านใบหน้า
“ขอโทษค่ะ เบต้า!” คาร่าตะโกนตอบ “คลาร์กหายใจไม่ค่อยออก พวกเราเลยพักกันแป๊บเดียวค่ะ”
แม้จะอยู่ไกล ฉันก็ยังเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเบต้าโจนส์ได้ “ฉันสอนพวกเธอมาสามปีแล้วนะ คลาร์ก” เขาถอนหายใจ “แล้วเธอก็ยังร่างกายไม่ฟิตเหมือนวันแรกไม่มีผิด”
เสียงของดัง และนักเรียนคนอื่นๆ สองสามคนก็หัวเราะออกมา
ฉันหยุดอาการหน้าแดงที่ลามไปทั่วใบหน้าไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบโต้เบต้าโจนส์
แม้จะไม่มีใครมารังแกฉันซึ่งๆ หน้า – ฉันก็ยังเป็นลูกสาวของอัลฟ่า – ฉันรู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่รู้สึกกับฉันอยู่สองอย่าง: ไม่พวกเขาก็คิดว่ามันตลกที่ร่างกายมนุษย์ของฉันต้องพยายามอย่างหนักแค่เพื่อจะตามพวกเขาให้ทัน หรือไม่ก็พวกเขาสมเพชฉัน
ฉันไม่แน่ใจว่าอย่างไหนน่าอายกว่ากัน
“เอาล่ะ ทุกคน” เบต้าโจนส์ตบมือ “หาคู่ เราจะมาประลองกัน”
เพื่อนร่วมชั้นหลายคนส่งเสียงเชียร์กับคำพูดของเขา และฉันก็กลั้นเสียงครางไว้ข้างๆ คาร่า การต่อสู้ประชิดตัวอาจจะสนุกสำหรับพวกคนหมาป่า แต่สำหรับฉัน มันแค่หมายความว่าฉันกำลังจะโดนอัดน่วมเท่านั้นเอง
“ไง คู่ซ้อม” คาร่ายิ้มกว้าง คว้าแขนฉัน “อยากได้เบาะสุดท้ายไหม?”
“เอาสิ ขอนะ”
เราเดินไปยังเบาะขนาดใหญ่ที่ปูรวมกันไว้ตรงสุดสนาม คาร่าต้องอัดฉันน่วมแน่ๆ แต่อย่างน้อยเบาะก็จะช่วยรองรับตอนฉันล้ม
คนอื่นๆ จับคู่กันหมดแล้ว และเบต้าโจนส์ก็ยืนอยู่กลางสนาม “วันนี้ เราจะฝึกการต่อสู้มือเปล่าในร่างมนุษย์” เขาพูด “อาจจะมีบางครั้งที่พวกเธอไม่สามารถแปลงร่างได้ และมันสำคัญที่ต้องรู้วิธีป้องกันตัวเอง เอาล่ะ มีใครรู้ไหมว่าวิธีที่เร็วที่สุดในการฆ่าคนหมาป่าตอนที่อยู่ในร่างมนุษย์คืออะไร?”
มือของคาร่าพุ่งขึ้นทันที
แน่นอน ยัยคนเก่งรู้คำตอบอยู่แล้ว ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด
“ว่าไง คาร่า?”
“เราต้องใช้มีดหรือดาบเงินเพื่อทำร้ายคนหมาป่าในร่างมนุษย์ค่ะ” เธออธิบาย “ถ้าพยายามแทงหรือทำร้ายพวกเขาด้วยมีดธรรมดา พวกเขาก็จะฟื้นฟูตัวเองได้ แต่เงินทำให้เราอ่อนแอลง มันเป็นสิ่งเดียวที่จะฆ่าเราได้จริงๆ ค่ะ”
“ใช่” เบต้าโจนส์เห็นด้วย และหันไปหาคนอื่นๆ ในชั้นเรียน “สำคัญมากที่ต้องจำไว้ ไม่สำคัญว่าเธอจะเป็นนักสู้ที่เก่งแค่ไหน ถ้าเธอไม่มีอาวุธเงินติดตัว เธอก็จะไม่สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้ เอาล่ะ อย่างที่บอก วันนี้เราจะเน้นการต่อสู้มือเปล่า ใครทำให้คู่ซ้อมล้มลงได้ก่อนเป็นฝ่ายชนะ”
ฉันหันไปหาคาร่า ซึ่งกำลังยิ้มให้ฉัน
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะออมมือให้มนุษย์ตัวเล็กๆ อ่อนแออย่างฉันใช่ไหม?” ฉันหยอกเย้า ตั้งท่าต่อสู้
“โทษทีนะ คลาร์ก” เธอยิ้มมุมปาก “เธอก็รู้ว่าฉันรักเธอนะ แต่ฉันก็จะอัดก้นเธออยู่ดี”
ก้นของฉันกระแทกเบาะเต็มๆ เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากเธอพูดจบประโยค