




บทที่สาม
โดมินิก
วันนี้มีบางอย่างผิดปกติกับฉันอย่างน่าหงุดหงิด และถึงแม้ฉันไม่อยากจะยอมรับ แต่ฉันก็รู้ว่ามันคืออะไร
ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่คนที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฉันขณะที่เธอกำลังดูดเจ้าโลกให้ฉันอย่างเชี่ยวชาญ
แต่เป็นคนเมื่อตอนบ่าย คนที่บาร์
เดรเวน
ภาพผมดำยาวกับตาสีเขียวสดใสของเธอผุดขึ้นมาในมโนภาพ และทันใดนั้น อกฉันก็เริ่มปวดแปลบอีกครั้ง แววตาที่เธอมองฉัน... แววตาอ้อนวอน แล้วก็ความผิดหวังในดวงตาตอนที่ฉันบอกว่าเธอต้องไป... มันตามหลอกหลอนฉัน ทิ้งความรู้สึกแผดเผาไว้ในอกราวกับว่าหัวใจของฉันอาจจะระเบิดออกมา
ฉันเบื่อผู้หญิงตรงหน้านี่เต็มทนแล้ว พยายามแค่ไหน ฉันก็ไม่มีอารมณ์กับเธออีกต่อไป อันที่จริงคงไม่เคยมีเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ ตั้งแต่เจอ เดรเวน ฉันแกล้งทำเป็นมีอารมณ์ด้วยยังไม่ได้เลย
อย่างแรก มาร์โกหน้าตาไม่เหมือนเดรเวนเลยสักนิด แล้วจู่ๆ หญิงสาวร้อนแรงคนนั้นที่ฉันเพิ่งส่งขึ้นรถไฟไปกลับเป็นคนเดียวที่ฉันอยากให้อยู่บนเจ้าโลกของฉัน
บ้าชิบ!
"ลุกขึ้น" ฉันคำรามเสียงลอดไรฟัน และเธอก็ยิ้ม ยกตัวขึ้นจากเข่าแล้วเอื้อมมือมาคล้องคอฉัน ฉันปัดเธอออก "ไม่ อย่าแตะต้องตัวฉัน ฉันไม่มีอารมณ์"
เธอสะดุ้งถอย ผมบลอนด์ของเธอสะบัดไปพร้อมกับหน้าอกขณะที่เธอส่ายหน้าให้ฉัน "เป็นอะไรไปคะที่รัก? คุณทำตัวแปลกๆ ทั้งวันเลยนะ"
ฉันกลอกตาแล้วมุ่งหน้าไปห้องน้ำเพื่อล้างคราบน้ำลายของเธอออกจากเจ้าโลกของฉัน "ไม่มีอะไร" ฉันพูดพลางลูบอกและความเจ็บปวดที่ช้ำระบมตรงนั้น
มันไม่ใช่ไม่มีอะไร แต่มันจะต้องไม่มีอะไรในไม่ช้า
จ้องตัวเองในกระจก ฉันรู้สึกละอายใจ ฉันคงไม่มีวันได้เจอเธออีกแล้ว ผู้หญิงคนนั้น ฉันจะไม่มีวันได้รู้อะไรเกี่ยวกับเธอไปมากกว่าวันนี้ ฉันจะไม่ได้รู้สึกถึงแรงดึงดูดที่รู้สึกเมื่อตอนนั้นอีก ตอนที่เธอเดินเข้ามาในบาร์แล้วขนทุกเส้นบนตัวฉันลุกชัน หมาป่าในตัวฉันครางอย่างพอใจขณะที่โลกรอบตัวมลายหายไปแทบเท้า
ตอนฉันโตขึ้น แม่เคยบอกเสมอว่าวันหนึ่งเธอจะหาฉันเจอ... เมทของฉัน แม่บอกว่าเมื่อมันเกิดขึ้น จะไม่มีใครสำคัญสำหรับฉันอีกนอกจากเธอคนนั้น จากนั้นแม่ก็จะแกล้งทำเป็นหึงมนุษย์ในจินตนาการคนนั้นเพียงเพื่อจะกอดฉันไว้ในอ้อมแขนและให้ฉันสัญญาว่าจะไม่มีวันโตขึ้น ฉันเดาว่าฉันไม่เคยเชื่อเลยว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงๆ
แต่มันเกิดขึ้นแล้ววันนี้
ใจเย็นๆ เธอไปแล้ว เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
มันต้องดีขึ้นสิ
"นี่ ดอม! ฉันพูดกับคุณอยู่นะ" มาร์โกตวาด ก้าวเข้ามาในเงาสะท้อนของกระจก หน้าอกใหญ่โตของเธอยังคงเปลือยเปล่าและสั่นไหวด้วยแรงปรารถนาทางเพศ "ฉันอยากให้คุณเข้ามาในตัวฉัน ได้โปรด?" เธอเอื้อมมือมาหา ฉันคว้ามือเธอไว้ บังคับตัวเองให้ยิ้ม
"ไว้ทีหลัง" ฉันพูด แล้วรูดซิปกางเกง เดินเลี่ยงเธอไป "ไปอาบน้ำ แล้วไปที่บาร์กัน ฉันมีเรื่องต้องคุยกับบาร์ตเลตต์สองสามอย่าง"
เธอทำปากยื่น ริมฝีปากบางๆ แบะออกในแบบที่เธอคิดว่าเซ็กซี่ "จริงเหรอคะ?"
"เดี๋ยวนี้" ฉันตวาดก่อนจะเดินลงบันไดไป
บางทีถ้าฉันไปเห็นกับตาว่าเดรเวนไปแล้วจริงๆ ความเจ็บปวดบ้าๆ ในอกนี่อาจจะหายไปก็ได้
แต่ก็นั่นแหละ... มันอาจจะแย่ลงกว่าเดิมก็ได้
เดรเวน
ค่ำคืนแรกของฉันในฐานะ 'บาร์เทนเดอร์สุดเซ็กซี่' กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว หลังจากเดินชมร้านรวมถึงอพาร์ตเมนต์ด้านบนอย่างรวดเร็วและน่าพอใจ บาร์ตก็ปล่อยให้ฉันเตรียมตัวสำหรับค่ำคืนข้างหน้า
ฉันมีของในเป้แค่ไม่กี่อย่าง การจัดของจึงใช้เวลาแค่สิบนาที พออาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ฉันก็แปรงผมดำยาวที่พันกันยุ่งเหยิง แล้วตัดสินใจปล่อยให้มันสยายเลยสะโพกลงไป ผมฉันตรงสลวยและเป็นเงางามโดยไม่มีวี่แววว่าจะม้วนงอเลย แต่ปกติฉันจะถักเปียแล้วม้วนเป็นมวยแน่นๆ เป็นนิสัยที่ทำเพื่อให้มันไม่ถูกคว้าได้ง่ายๆ ตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้ว ฉันจะทำผมทรงไหนก็ได้ตามใจชอบ และแค่ความจริงข้อนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันยิ้มอย่างพอใจได้แล้ว
ฉันสวมกางเกงยีนส์ขาดๆ กับเสื้อคอเต่าสีดำแขนยาวรัดรูป คล้ายกับตัวสีขาวที่ฉันใส่มา แล้วยิ้มให้เงาสะท้อนของตัวเอง แม้จะมีถุงใต้ตาอยู่ใต้ดวงตาสีเขียวเป็นประกาย และเอวที่ 'ผอมเกินไป' จนดูเว้าเข้าไป ฉันก็ดูดีไม่หยอกเลยทีเดียว ฉันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว ดังนั้นหลังจากได้กินอาหารดีๆ สักสองสามมื้อ ฉันจะยิ่งดูฮอตกว่านี้อีก
หลังจากทาลิปกลอสสีนู้ดระยิบระยับลงบนริมฝีปากอวบอิ่มตามธรรมชาติ และปัดมาสคาร่าสองทับบนขนตายาวๆ ฉันก็พร้อมทำงานแล้ว
ฉันก้าวลงบันไดหลังอย่างกระฉับกระเฉง เข้าไปในครัวก็พบบาร์ตยืนอยู่พร้อมกับเสื้อครอปสีม่วงตัวจิ๋วในมือ ด้านหน้ามีตัวหนังสือเขียนว่า 'เดอะมูนไลต์เลานจ์' ด้วยตัวอักษรแบบเดียวกับป้ายหน้าร้าน แต่เป็นสีดำ
เขากะจะให้ฉันใส่เสื้อตัวจิ๋วนั่นแน่ๆ ฉันรู้เลย
ก่อนที่เขาจะยื่นมันให้ฉัน ปากเขาก็อ้าค้างด้วยความตกใจแล้วผิวปาก "ให้ตายสิแม่คุณ แต่งตัวขึ้นเหมือนกันนี่"
ฉันหน้าแดง "ขอบคุณค่ะ เอ่อ - ฉันเดาว่าคุณคงอยากให้ฉันใส่ตัวนี้นะคะ" ฉันทำหน้าแหยๆ แยกเขี้ยวเล็กน้อยพร้อมกับทำหน้าบึ้งแบบอ้าปาก
บาร์ตยิ้มกริ่ม มองฉันอย่างมีความนัย "ใช่เลย"
ฉันเริ่มเล่นปลายผมตัวเอง ซึ่งเป็นนิสัยเวลาที่ฉันเริ่มประหม่า “รอสักอาทิตย์หน้าได้ไหมคะ”
รอยยิ้มของเขาจางลง “ผมอยากให้เร็วกว่านั้น แต่คิดว่าคงรอได้ มีเหตุผลอะไรรึเปล่า ผมว่ามันจะดูดีมากเลยนะถ้าคุณใส่”
แล้วราวกับว่าเขาสังเกตเห็นเสื้อคอเต่าที่ฉันใส่และความประหม่าในแววตาฉัน “ขอดูหน่อยสิ” เขาร้องขอ
ฉันส่ายหน้าแรงๆ แต่ก็ยอมจำนนเมื่อเขายืนจ้องฉันนิ่งไม่ยอมขยับ ฉันพับแขนเสื้อข้างหนึ่งขึ้น โชว์ให้เขาเห็นรอยช้ำรูปลายนิ้วมือล่าสุดที่ปรากฏอยู่บนแขนท่อนล่างของฉัน
เขาสูดลมหายใจเข้าดังฟืด ใบหน้าแดงก่ำขึ้นชั่วขณะด้วยความโกรธ “เดาว่านั่นไม่ใช่รอยที่แย่ที่สุดสินะ”
“ไม่ใช่ค่ะ” ฉันยอมรับ พลางดึงเสื้อขึ้นไปจนเกือบถึงใต้หน้าอกแล้วหันหลัง ฉันให้เวลาเขามองรอยช้ำบนแผ่นหลังฉันด้วย
“เชี่ยเอ๊ย” เขาคำรามลั่น “พ่อเลี้ยงคุณทำแบบนี้กับคุณเหรอ”
ฉันหันกลับมา จัดเสื้อให้เข้าที่ “ใช่ค่ะ” แล้วตัดสินใจว่าการพูดความจริงเพิ่มอีกหน่อยน่าจะช่วยให้ฉันได้อยู่ที่นี่แน่ๆ ฉันจึงเสริมว่า “แล้วลูกชายเขาก็ทำด้วย”
ความจริงเป็นสิ่งที่พูดออกไปยากเสมอ
“ลูกชายเขา?” บาร์ตคำราม “ไอ้เวรนั่นมันอายุเท่าไหร่”
“เท่าฉันค่ะ”
ณ จุดนั้น ฉันรู้ว่าฉันเพิ่งจะทำให้ตำแหน่งของตัวเองที่นี่มั่นคงขึ้น และด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ฉันปฏิเสธที่จะปล่อยให้การใช้บาดแผลในใจมาเรียกความเห็นใจทำให้ตัวเองรู้สึกแย่
ถ้าจะมีอะไร ฉันก็สมควรจะใช้มันให้ได้ประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้สิวะ!
บาร์ตตัวสั่นด้วยความโกรธ และเพราะเขาเพิ่งเจอฉัน ฉันเลยไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธได้รุนแรงขนาดนั้น เขาดูพร้อมจะฆ่าคนได้เลย
บางทีเขาอาจจะชอบฉันก็ได้
“ตอนที่คุณถามผมว่าสตริปคลับอยู่ไหนน่ะ-”
“ฉันไม่ได้พยายามจะทำให้คุณรู้สึกผิดนะคะ” ฉันถอนหายใจ ฮ่าๆ - ก็นะ บางทีฉันอาจจะพยายามก็ได้... “ฉันคงไปสมัครที่นั่นจริงๆ นั่นแหละค่ะ แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันขอใส่เสื้อตัวนี้ทับตัวนี้ไปก่อนได้ไหมคะ จนกว่า-”
“ได้สิ” เขาขัดขึ้น โยนเสื้อเชิ้ตมาให้ฉันเพื่อจะได้สวมทับลงไป “แล้วก็ เดรเวน ถ้าคุณอยากจะพูดเรื่องนี้เมื่อไหร่...”
ฉันยิ้ม พยักหน้า แต่ฉันรู้ว่าฉันจะไม่มีวันพูด “ขอบคุณค่ะ บาร์ต”
“บาร์ตเลตต์” เขาแก้ให้
“บาร์ต” ฉันขยิบตา ส่ายสะโพกขณะเดินกรีดกรายผ่านเขาเข้าไปในส่วนหลักของบาร์
สองสามชั่วโมงแรกผ่านไปได้ด้วยดีอย่างเหลือเชื่อ ฉันเคยทำงานที่คลับแถวบีชอเวนิวในไมอามี และบาร์เทนเดอร์ที่นั่นก็แข่งขันกันดุเดือดมาก ฉันเลยรู้วิธีดึงดูดลูกค้า มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่ร้านนี้แน่นขนัดไปด้วยหนุ่มโสดโปรไฟล์ดีเช่นกัน พวกเขาทุกคนต่างแย่งชิงความสนใจจากของเล่นชิ้นใหม่หลังบาร์
ฉันกำลังผสมมอสโคว์มิวล์ให้สาวผมน้ำตาลสุดฮอตในชุดสูททำงานอยู่พอดี ตอนที่ประตูบาร์เปิดออก และสาว ‘บาร์บี้’ ผมบลอนด์ร่างสูงก็เดินควงแขนไอ้ทุเรศที่เจอเมื่อตอนบ่ายเข้ามา
โดโมนิก
สายตาของเขาสบเข้ากับฉันทันที และบรรยากาศระหว่างเราก็ราวกับมีไฟปะทุ ประกายความหึงหวงอันร้อนแรงเข้าครอบงำอยู่ชั่วขณะ และฉันก็ทำไม้คนเครื่องดื่มหักคามือ ฉันมองมือของบาร์บี้ที่ลูบไล้ไปบนแผงอกของโดโมนิก พลางครางในลำคอแล้วเปลี่ยนไม้คน ดีใจแค่ว่าไม่ได้ทำมีดบาดมือตัวเอง
อี๋
ฉันสะบัดหัว รู้ดีว่าความคิดไร้สาระนั้นไม่ได้เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นเลย แต่เกี่ยวกับคนที่มากับหล่อนต่างหาก
ช่างแม่งไอ้หล่อระยำนั่นเถอะ
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันไม่สามารถข่มความเจ็บแปลบในอกที่เต้นระรัวเมื่อเห็นพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันครั้งแรกได้เลย
“ได้แล้วค่ะ ที่รัก” ฉันพูด พลางเสิร์ฟเครื่องดื่มให้พ่อรูปหล่อในชุดสูทสามชิ้น และรับทิปยี่สิบดอลลาร์พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่เขาสอดใส่มือฉันมา
เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ฉันเห็นว่าโดโมนิกกับคู่เดตของเขาไปนั่งที่มุมด้านหลัง โต๊ะเดียวกับที่เขาและเพื่อนๆ นั่งเมื่อตอนกลางวัน
เมื่อสังเกตเห็นว่าฉันมองเขาอยู่ กำปั้นของเขาก็บนโต๊ะแน่น และกล้ามเนื้อก็เกร็งนูนขึ้นใต้เสื้อเชิ้ต บาร์บี้กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างข้างหูเขา แล้วเขาก็ผลักหล่อนออกไป ตวาดอะไรบางอย่างใส่หล่อนซึ่งฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงดังในบาร์ที่อึกทึก
ฉันเม้มปากแน่น ซ่อนรอยยิ้มแล้วเบือนหน้าหนีไปเสิร์ฟเครื่องดื่มให้พ่อรูปหล่อในชุดสูทสามชิ้นอีกคน
ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าบาร์บี้ทำงานที่คลับของเขาหรือเปล่า หล่อนดูเข้ากับสเปกนั้นเป๊ะ ฉันก็มีหน้าอกที่สวยได้รูปอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้ใหญ่โตจนหลังแทบหักเหมือนของหล่อนหรอก
บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่เขาหมายถึงตอนที่บอกว่าฉัน ‘ไม่มีคุณสมบัติพอ’
เริ่มมีคนต่อแถวหลังลูกค้าที่นั่งอยู่หน้าบาร์แล้ว ฉันจึงสลัดความคิดทุกอย่างเกี่ยวกับโดโมนิกทิ้งไปในอีกไม่กี่นาทีต่อมา และตั้งสมาธิกับงานของตัวเอง
บาร์ตเลื่อนมาอยู่ข้างหลังฉันแล้วกระซิบว่า “ทำได้เยี่ยมมาก เจ้าหนู ทำต่อไป”
ฉันหัวเราะ พลางถลึงตาใส่เขา “เจ้าหนู? คุณคงไม่ได้แก่กว่าฉันเท่าไหร่หรอกน่า บาร์ต”
เขาขยิบตา “ก็คงงั้น แต่ถ้าคุณยังยืนกรานจะเรียกชื่อผมผิดๆ ถูกๆ แบบนั้น ผมก็จะยืนกรานเรียกคุณว่าเจ้าหนูเหมือนกัน”
“ตกลง” ฉันยิ้มกว้าง แต่รอยยิ้มก็หายไปเมื่อเห็นว่าใครคือคนถัดไปในแถว “รับอะไรดีคะ”
“ดูเหมือนคุณจะพลาดรถไฟไปแล้วนะ” โดโมนิกพูดอย่างเย็นชา