




บทที่ 5
ความรู้สึกวาบหวามของฉันที่ไม่โผล่หน้ามานานหลายเดือนตัดสินใจว่านี่แหละคือเวลาเหมาะเจาะที่จะออกมาจากที่ซ่อน เพื่อมาย้ำเตือนฉันว่าฉันกับพวกพี่ชายคนใหม่นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลยสักนิด ‘ไม่ ไม่ฟังนะ’ ฉันคิดในใจขณะที่ความรู้สึกนั้นเริ่มเข้ามาปักหลักราวกับว่าจะอยู่ไปอีกนาน
“แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะถึงบ้านคะ” ฉันถาม หวังว่าเจคอบจะไม่สังเกตเห็นว่าฉันหน้าแดงแค่ไหน
เขามองฉันแวบหนึ่งขณะขับรถออกจากโรงพยาบาล “เอ็ม เป็นอะไรรึเปล่า หน้าแดงๆ นะเรา”
“ค่ะ ค่ะ สบายดี ไม่มีอะไรค่ะ” ฉันพูดตะกุกตะกัก เจคอบพ่นลมหัวเราะ
“แล้วทำไมต้องเรียกฉันว่าเอ็มด้วยล่ะคะ” ฉันถามเขา
“ก็ เอ็มมันสั้นมาจากเอ็มมี่ แล้วเธอก็ตัวเล็ก พี่เลยคิดว่าเป็นชื่อเล่นที่ดี” เขายิ้มกริ่มอีกครั้ง รอว่าจะดูว่าฉันจะมีปฏิกิริยายังไง
“ฉันไม่ได้ตัวเล็กซะหน่อย” ฉันทำปากยื่น แลบลิ้นใส่เขาอีกครั้ง
“ระวังหน่อยสิว่าแลบลิ้นไปแถวไหน มันอาจจะพาเธอเดือดร้อนได้นะเอ็ม” เขาหัวเราะเบาๆ ขณะเปิดไฟเลี้ยวแล้วเปลี่ยนเลนเข้าทางด่วน
ฉันหุบปากฉับแล้วหันหน้าหนีไปสนใจวิวข้างทางอย่างตั้งอกตั้งใจ เจคอบเอื้อมมือมาจับมือข้างที่ดีของฉัน สอดนิ้วประสานกับนิ้วฉัน บีบเบาๆ
“พี่สัญญาเอ็ม ทุกอย่างจะเรียบร้อย เราจะดูแลให้มันเป็นอย่างนั้น” เขาบีบนิ้วฉันเบาๆ อีกครั้งก่อนปล่อยมือ ฉันยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะ เจคอบ มันมีความหมายมากจริงๆ” ฉันลูบมือไปบนชุดสครับที่ยืมมา
“เรียกพี่ว่าเจคสิ พ่อชอบยืนกรานให้ใช้ชื่อเต็มเพราะมันฟังดูไฮโซกว่า แต่พวกเราไม่สนใจหรอก ใช้ชื่อเล่นกันทั้งนั้น” เจคชะลอรถ เข้าทางออกที่มุ่งหน้าไปยังย่านคนรวยหรูหราของเมือง
“ขอบคุณค่ะพี่เจค ได้เลยค่ะ พ่อฉันเกลียดชื่อฉันมาตลอด ท่านเรียกฉันว่าเอ็มมี่เท่าที่ฉันจำความได้” ฉันเงยหน้าขึ้นเมื่อเราเข้าใกล้หมู่บ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด เจคชะลอรถเพื่อให้เซ็นเซอร์อ่านสติกเกอร์บนกระจกหน้ารถ ประตูรั้วเปิดออก และขณะที่เราขับผ่านเข้าไป ยามรักษาความปลอดภัยก็โบกมือให้เรา
“ว้าว” ฉันอ้าปากค้างขณะที่เราขับไปตามถนน ดูเหมือนมีเมืองทั้งเมืองอยู่หลังประตูรั้วนั่น เราผ่านร้านค้าเล็กๆ หลายร้านและตลาดแห่งหนึ่ง โรงเรียนตั้งอยู่ติดกับทุ่งโล่งกว้าง นอกจากนี้ยังมีคันทรีคลับพร้อมสปาครบวงจร เจคเลี้ยวอีกสองสามครั้งจนกระทั่งเราอยู่บนถนนที่มีบ้านหลังใหญ่มหึมา แต่ละหลังตั้งร่นเข้าไปจากถนน มีรั้วและประตูเป็นของตัวเอง เจคขับไปจนสุดถนน จอดเทียบที่ประตูรั้ว กดรหัส แล้วขับรถเข้าไปตามทางรถเข้าบ้าน
“ถึงแล้วน้องสาว” เขาจอดรถหน้าประตูบ้านแล้วดับเครื่องยนต์รถเอสยูวี ขณะที่ฉันพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย ประตูหน้าบ้านก็เปิดออก และชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนเจคราวกับส่องกระจกก็ยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน
“เจค” ฉันกระซิบ “พี่ไม่ได้บอกเลยว่าพวกพี่เป็นแฝดเหมือน ฉันต้องแยกพวกพี่ไม่ออกแน่ๆ” เจคแค่หัวเราะ กระโดดลงจากรถเอสยูวี แล้วเดินอ้อมมาอุ้มฉันลงไป
“ไม่ต้องห่วงเอ็ม มีวิธีแยกพวกเราออกตั้งเยอะแยะ” เขาพูดพร้อมกับใส่ความนัยและความร้อนแรงเข้ามา จนหน้าฉันแดงก่ำอีกครั้ง และเมื่อเขาช้อนตัวฉันขึ้นสู่อ้อมแขน ฉันก็ซบหน้าลงกับคอเขา
โจชัวมาเจอเราตรงบันไดทางขึ้นบ้าน “น้องเป็นไงบ้าง ขับรถมานานไปรึเปล่า ทำไมพี่ไม่บอกฉันว่าน้องเจ็บหนักขนาดนี้” เขายิงคำถามสามข้อรวดเดียวขณะจ้องเขม็งไปที่เจคอบ
“นี่จอช นี่เอ็มมี่ ส่วนเอ็ม นี่จอช” ใบหน้าของจอชเปลี่ยนจากบึ้งตึงเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนในพริบตาขณะที่เขาเดินเข้ามาหาฉัน
“หวัดดีเอ็ม” จอชค่อยๆ เอื้อมมือมาบีบมือข้างที่ดีของฉันเบาๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พี่จอช” ฉันยิ้มแล้วเอนศีรษะพิงไหล่เจค วันนี้ทำฉันหมดแรงอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่เพิ่งจะบ่ายโมงกว่าๆ เอง
“มาเถอะ พาเข้าไปข้างในให้น้องพักผ่อนดีกว่า” เจคเริ่มเดินขึ้นบันได โดยมีจอชรีบเดินนำหน้าไปเปิดประตูให้เรา
ฉันสูดหายใจเข้าอย่างตกตะลึงเมื่อเจคอุ้มฉันเข้าไปในบ้าน มันใหญ่โตมโหฬารมาก บ้านเก่าของฉันทั้งหลังน่าจะใส่เข้าไปในแค่โถงทางเข้าได้สบายๆ
“ฉันไม่เหมาะกับที่นี่เลย” ฉันกระซิบกับตัวเอง ทุกอย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง พื้นขัดเงาจนดูเหมือนกระจก ภาพวาดราคาแพงเรียงรายตามโถงทางเดิน ขณะที่เราเดินผ่าน ฉันมองเข้าไปในห้องต่างๆ ที่เราผ่าน เห็นแต่ห้องที่สะอาดเป็นประกายและการตกแต่งราคาแพง ฉันกลืนน้ำลาย บางทีฉันอาจจะเลี่ยงการเข้าใกล้บ้านฝั่งนี้ไปเลย ฉันตื่นตระหนกกับความคิดที่จะทำแจกันล้ำค่าแตก หรือหายนะราคาแพงอื่นๆ
จอชซึ่งยืนอยู่ข้างหลังฉัน เอื้อมมือมาลูบหลังฉันเบาๆ
”ไม่เป็นไรน่าเอ็ม มันก็แค่บ้าน พวกเราโตที่นี่ เชื่อสิ ตอนเด็กๆ เราทำของพังไปเยอะแยะ” เขายิ้มให้ฉันอย่างเขินอาย แล้วค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นปัดผมออกจากใบหน้า มองขออนุญาตจากฉันก่อนที่จะสัมผัสตัว
“ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่ามีเด็กแม้แต่คนเดียวในบ้านแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงเด็กผู้ชายซนๆ สี่คนหรอกค่ะ” ฉันหัวเราะ พยายามนึกภาพเด็กชายตัวเล็กๆ สี่คนเนื้อตัวมอมแมมวิ่งเล่นอยู่ในโถงทางเดินพวกนี้ ชนโต๊ะที่วางของตกแต่งราคาแพง นิ้วเหนียวๆ แตะทุกอย่างที่เอื้อมถึง
”หวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไงนะ” เจคพูดพลางมองฉันด้วยแววตาเร่าร้อนจนฉันหน้าแดง แทนที่จะตอบ ฉันทำได้แค่ส่งเสียงแหลมออกมาแล้วซบหน้ากับไหล่เขา
”เจค พอได้แล้วเพื่อน เลิกทำให้น้องอายได้แล้ว ให้น้องคุ้นเคยกับพวกเราก่อนสิ” จอชพูดพลางจ้องพี่ชายตัวเองขณะลูบหลังฉัน เจคจ้องแฝดตัวเองกลับ แต่ก็ยังเอนศีรษะพิงศีรษะฉันแล้วกระซิบว่าเขาขอโทษ