Read with BonusRead with Bonus

บทที่ 8

ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นนะ ความรู้สึกที่ฉันมีให้เฟลิกซ์มันเป็นของจริง ความรู้สึกที่เฟลิกซ์มีให้ฉันก็เป็นของจริง เขาจะมาลบล้างมันด้วยคำพูดเรื่องความไม่ประสีประสาของวัยรุ่นแบบนี้ไม่ได้

“มันเป็นของจริงนะ ทอมมี่” ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำเสียงตัวเองแข็งกระด้างแค่ไหนจนกระทั่งตาเขาเบิกกว้างเล็กน้อย แล้วเขาก็ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

“โห” เขายกมือขึ้นป้อง “โทษที ฟลอร่า ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าความสัมพันธ์ของเธอนะ”

“ฉันขอโทษ” ฉันพึมพำ

“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะ”

ฉันเลียริมฝีปากก่อนตอบ “เรา เอิ่ม...” ฉันถอนหายใจ “คงเป็นเรื่องของชีวิตล่ะมั้ง”

เขาขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ฉันจะย่อเรื่องทั้งหมดให้เหลือประโยคเดียว คำอธิบายสั้นๆ ได้ยังไง ฉันจะอธิบายให้เฟลิกซ์ฟังโดยไม่รื้อฟื้นชีวิตทั้งชีวิตของฉันได้ยังไง

ทอมมี่กับฉันแบ่งบุหรี่กันสูบคนละครึ่งมวนก่อนขับรถกลับบ้าน ฉันเริ่มสูบบุหรี่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ไม่อยากจะสูบหรอก แต่มันก็เริ่มจากการสูบกับเขาเป็นบางครั้งจนกลายเป็นซื้อมาเก็บไว้เองซองหนึ่ง ฉันรู้ว่าไม่ควรทำ แต่มันก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้อยากจะมีชีวิตอยู่นานนักอยู่แล้ว

ฉันพยายามหอบถุงของชำขึ้นแฟลตคนเดียว ทอมมี่อาสาช่วย แต่ฉันต้องปฏิเสธ พ่อคงจะถามคำถามเยอะแยะ แล้วเขาก็คงแต่งเรื่องขึ้นมาว่าฉันไปนอนกับทอมมี่เพื่อเอาเงิน หรืออะไรบ้าๆ บอๆ ทำนองนั้น

พอขึ้นมาถึงข้างบนได้ในที่สุด ฉันก็เริ่มเอาของออกจากถุง จัดเข้าตู้เย็นเล็กๆ ของเรา ส่วนที่เหลือก็ใส่ในตู้เล็กๆ ที่เราเรียกว่าตู้กับข้าว ฉันได้ยินเสียงทีวีดังลั่นมาจากข้างหลังตอนที่พ่อกำลังดูแข่งบาสเกตบอล

“ทำมื้อเย็นเหรอ” เขาตะโกนมาจากห้องนั่งเล่น

“ค่ะ” ฉันตะโกนตอบ “รอแป๊บนะคะพ่อ”

เขาไม่ตอบ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา ฉันก็เห็นเขาเดินเข้ามาในครัว เขาหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นแล้วดื่มไปเกือบครึ่งขวด เขาหันมาหาฉันแล้วเริ่มมองไปตามถุงกระดาษสีน้ำตาลที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ ฉันไม่ได้สนใจเขามากนัก คิดว่าเขากำลังหาอะไรอยู่

“บุหรี่กูอยู่ไหน”

โอ้ ไม่นะ

ฉันสะดุ้งเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “หนูขอโทษจริงๆ ค่ะพ่อ หนูลืม เดี๋ยวหนูลงไปซื้อให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

ฉันได้แต่ภาวนาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันทำลงไปนี้จะไม่ลุกลามใหญ่โต ฉันหวังและสวดภาวนาให้เขาปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป และไม่เข้าสู่ช่วงเวลาที่เขาโกรธจัดกับเรื่องเล็กน้อยมากๆ บางครั้งก็ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

“มึงนี่มันโง่เง่าฉิบหายเลย ฟลอร่า” เขาเอื้อมมือมาคว้าผมฉัน นิ้วมือบิดมุ่นอยู่ในเส้นผม ฉันครางเสียงหลง “พ่อคะ” ฉันกระซิบ “หนูขอโทษ หนูลืม หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ สาบานได้”

มือเขาบีบแน่นขึ้นจนฉันร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวด “กูรู้ว่าทำไมมึงถึงลืม” เขาเค้นเสียง ลมหายใจเขามีกลิ่นเหล้า วิสกี้ถูกๆ ที่เขาดื่มอยู่ตลอดเวลา “ก็เพราะมึงมัวแต่ไปร่านอยู่กับไอ้เด็กข้างบ้านนั่น ถ่างขาให้มันอยู่สินะ ห๊ะ” น้ำเสียงเขาเกรี้ยวกราด ถ้อยคำยิ่งกว่านั้น “มึงชอบเป็นอีตัวนักใช่ไหม เหมือนแม่มึงไม่มีผิด ให้ใครหน้าไหนก็ได้ที่มันโยนเศษเงินให้มึง”

“อย่าพูดถึงแม่แบบนั้นนะ” ฉันบอกเขา คำดูถูกทั้งหมดที่เขาปาใส่ฉัน ฉันรับได้หมด ฉันไม่สนว่าเขาจะเรียกฉันว่าอีตัว อีร่าน หรืออะไรก็ตาม แต่เขาจะพูดถึงแม่แบบนั้นไม่ได้ ไม่ใช่ในเมื่อแม่ทุ่มเททุกอย่างให้เขา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ใช่ตอนนี้ เขาจะมาลบหลู่และไม่เคารพความทรงจำของแม่แบบนั้นไม่ได้ แม่ไม่สมควรได้รับมัน

ฉันไม่เห็นหมัดที่พุ่งมา แต่ฉันรู้สึกถึงมัน โอ้ ฉันรู้สึกถึงมันเต็มๆ ฉันงอตัวลงด้วยความเจ็บปวด กุมตาตัวเอง ยังคงรู้สึกถึงหมัดของเขาอยู่ตรงนั้น ฉันรู้สึกได้ว่าตามันตุบๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บมากจริงๆ ฉันแทบไม่มีเวลาให้ความเจ็บปวดบรรเทาลง ก่อนที่พ่อจะคว้าแขนฉัน กระชากมันออกจากใบหน้า พรากความโล่งใจเล็กๆ น้อยๆ ที่มันมอบให้ไป เขาบิดแขนฉันไพล่หลัง ดึงฉันเข้าไปใกล้จนเขาแทบจะพ่นลมหายใจใส่หน้าฉัน “อย่ามาปากดีกับกู”

ตาขวาของฉันกำลังเต้นตุบๆ ฉันแทบมองไม่เห็นอะไรเลย – เห็นแค่จุดแสงเล็กๆ เหมือนเห็นดาวตามที่เขาว่ากันจริงๆ กับม่านตาสีดำ ฉันรู้ว่ามันจะต้องช้ำแน่ๆ ฉันคงต้องหาข้อแก้ตัวเรื่องนี้อีกแล้ว จะต้องโปะเครื่องสำอางหนาแค่ไหนกันนะ ฉันจะซ่อนรอยช้ำได้อีกกี่รอย

ทันใดนั้นพ่อก็ปล่อยแขนฉันแล้วผลักฉันออกไป สะโพกฉันกระแทกเข้ากับเคาน์เตอร์ดังตุ้บ เยี่ยมเลย เจ็บอีกที่แล้ว ฉันกุมสะโพกด้วยมือขวา ส่วนอีกมือก็กุมตาไว้ พ่อคว้าของใกล้ตัวที่สุดที่หาได้ – มันคือแก้วน้ำ แล้วขว้างมันลงบนพื้น “แม่งเอ๊ย!”

Previous ChapterNext Chapter